โวยบิ๊ก ทบ.ซิ่งออฟโรดชนลูกขาหักปัดรับผิดชอบ

โวยบิ๊กทหารบก ซิ่งออฟโรดชนเด็ก 5 ขวบ ขาหักปัดรับผิดชอบ กลับคำไม่ดูแลค่ารักษาพยาบาล

เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 15 มี.ค. นายพรชัย ผิวเกลี้ยง อายุ 39 ปี อาชีพรับจ้าง อยู่บ้านเลขที่ 74 หมู่ 1 ต.ต้นตาล อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 11 มี.ค. ได้เข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.สมพร พรธานิศกุล ร้อยเวร สภ.สองพี่น้อง ว่า ขณะที่ตนเอง พร้อมด้วยครอบครัว คือ น.ส.หนึ่งฤทัย อายุ 29 ปี ภรรยา และ ด.ญ.อรปรียา หรือน้องพลอย อายุ 5 ปี ลูกสาว กำลังเดินจับจ่ายซื้อสินค้าข้าวของอยู่ริมถนนราษฎร์นิยม บริเวณหน้าตลาดสด เขตเทศบาลเมืองสองพี่น้อง ได้มีรถยนต์ออฟโรด ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นปาเจโร่ สีน้ำเงิน  ขับมาเฉี่ยวชน ด.ญ.อรปรียา จนล้มลงท่ามกลางเสียงหวีดร้องของบรรดาแม่ค้า และชาวบ้านที่พบเห็นด้วยความตกใจ

นายพรชัย เล่าว่า จากนั้นได้มีอดีตนายทหารระดับเสนาธิการ ยศ พล.ต.นายหนึ่ง (ขอสงวนนาม) เคยเป็นผู้บังคับบัญชา มณฑลทหารบกแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ขับขี่ได้ลงมาถามไถ่ดูอาการของบุตรสาว ที่อยู่ในอาการหวาดกลัว พบว่ามีบาดแผลผลอกตามเนื้อตัวบางแห่ง ตนจึงบอกกับนายทหารไปว่าไม่เป็นไรแค่เรื่องเล็กน้อย เนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้รถยนต์บนถนนราษฎร์นิยม ซึ่งเป็นถนนสายหลักการจราจรติดขัดยาวเหยียด ต่อมา ได้พาลูกสาวไปทำความสะอาดบาดแผลที่ คลินิกหมอบุญชัย ซึ่งอยู่ใกล้กัน หลังจากทำแผลเรียบร้อย ได้อุ้มลูกสาวขึ้นรถยนต์เพื่อเดินทางกลับบ้าน จึงสังเกตเห็นว่า ที่ขาขวาของลูกสาวนั้นมีอาการบวมเป่ง จึงตัดสินใจพาลูกสาวเข้าตรวจรักษาตัวที่ รพ.สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 17 ผลจากการเอ็กซ์เรย์แพทย์ระบุว่า ขาขวาหักต้องเข้าเฝือก ส่วนข้อเท้าซ้ายนั้นมีบาดแผลและอาการบวมช้ำแพทย์ระบุว่าต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ที่ รพ. ระยะหนึ่ง จึงได้ติดต่อไปยังนายทหารคนนี้ให้รับทราบ และ ขอให้ช่วยเหลือเรื่องค่ารักษาพยาบาล ตามเห็นสมควร

นายพรชัย เล่าว่า ในเบื้องต้น นายทหารระดับสูงรายนี้ได้รับปากว่า พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ไม่ต้องเป็นห่วง หลังจากนั้นอีก 3 วัน ลูกสาวร้องโยเย ร้องไห้งองแงว่าอยากกลับบ้าน จนกระทั่งหมออนุญาตให้กลับบ้านได้  จึงได้แจ้งให้คู่กรณีทราบเรื่องค่ารักษาพยาบาล  5,023 บาท แต่นายทหารกลับปฎิเสธเรื่องการจ่ายค่ารักษาพยาบาล อ้างว่าไม่ใช่เป็นความผิดของตนเองฝ่ายเดียว จะให้รับผิดชอบทั้งหมดได้อย่างไร  เมื่อได้ยินคำตอบรู้สึกงุนงงมากว่า ทำไมอดีตนายทหาร ระดับสูงจึงไม่รักษาคำพูด จึงได้ปรึกษากับญาติพี่น้อง จากนั้นจึงตัดสินใจเข้าแจ้งความร้องทุกข์ และจะได้ไปหาพยานในตลาดมาให้การยืนยันกับเจ้าหน้าที่ตามที่ได้รับคำแนะนำมา เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมต่อไป.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

This entry was posted in News