เมื่อเวลา 12.00 น.วันนี้ (15 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเอกรัตน์ หรือเสี่ยเอก กนกวรรณาการ อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 210 ต.วาริน อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการร้านค้าทองเยาวราช ภายในห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี อุบลราชธานี ได้เข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี หลังจากเมื่อเวลาประมาณ18.00 น.ของวันที่ 13 มี.ค. เสี่ยร้านทองเกิดลืมกระเป๋าซึ่งภายในมีทองคำรูปพรรณน้ำหนักรวม 540 บาทมูลค่า 13 ล้านบาท ไว้ในรถแท็กซี่สีชมพู ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลติส ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน เหตุเกิดที่หน้าร้านสมเกียรติเบ็ดเตล็ด ภายในตลาดสี่มุมเมือง ต.คูคต หลังเกิดเหตุ ได้เข้าแจ้งความกับพ.ต.ท.วิเชียร ไตรโลกา สวส.สภ.คูคต เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามผู้ขับขี่รถยนต์แท็กซี่มิเตอร์มาให้ได้โดยเร็ว เพื่อนำทองคำกลับคืนมา
นายเอกรัตน์ หรือเสี่ยเอก เจ้าของกิจการร้านทองเปิดเผยว่า วันเกิดเหตุ ตนพร้อมด้วยนางสุรัตน์ กนกวรรณาการ อายุ 58ปี ซึ่งเป็นภรรยาได้นำทองคำรูปพรรณซึ่งประกอบไปด้วย สร้อยคอทองคำ แหวน ต่างหู และกำไรข้อมือน้ำหนักรวม 540 บาท มูลค่ากว่า 13 ล้านบาท มาจาก จ.อุบลราชธานี เพื่อนำทองรูปพรรณแบบต่างๆ ไปเปลี่ยนลายที่ร้านทองแห่งหนึ่งย่านเยาวราช จากนั้นเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น.ตนพร้อมภรรยา ได้เรียกรถแท็กซี่สีชมพูจากแยก SAB ถนนวรจักร เพื่อให้มาส่งที่ตลาดสดสี่มุมเมืองภายในเขตพื้นที่ ต.คูคต โดยที่ตนและภรรยาได้นำกระเป๋า 3 ใบประกอบไปด้วยกระเป๋าบรรจุเสื้อผ้า2ใบและอีก1ใบซึ่งเป็นกระเป๋าเป้สีดำ ซึ่งเป็นกระเป๋าบรรจุทองคำรูปพรรณวางไว้บริเวณเบาะหน้าคู่คนขับ โดยจำรูปพรรณสัณฐานของผู้ขับขี่ได้ว่ารูปร่างท้วม ผิวดำแดง หัวเถิก อายุประมาณ40ปี
ต่อมา รถแท็กซี่ได้ขึ้นทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์และมาถึงบริเวณตลาด 7 ตลาดสี่มุมเมืองหน้าร้านสมเกียรติ เบ็ดเตล็ด ในเวลาประมาณ 18.00 น.จากนั้นตนได้พยุงภรรยาซึ่งป่วยเดินไม่ค่อยไหวลงจากรถ พร้อมถือกระเป๋าอีก2ใบแบบพะรุงพะรังและจ่ายค่าบริการ จากนั้นผู้ขับขี่รถแท็กซี่ได้ขับออกไป ระหว่างนั้น ตนเองนั้นลืมหยิบกระเป๋าอีกใบซึ่งเป็นกระเป๋าเป้สีดำภายในมีทองคำรูปพรรณไว้บริเวณเบาะนั่งหน้าคู่คนขับภายในรถแท็กซี่คันดังกล่าว มารู้อีกทีตอนอยู่บนบ้านญาติแล้วตรวจสอบพบว่ากระเป๋าสะพายสีดำบรรจุทองอยู่นั้นได้หายไป จึงเอะใจว่าลืมไว้บนรถแท็กซี่อย่างแน่นอน จึงรีบเดินทางมาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ก็ยังไร้วี่แววที่จะได้สิ่งของมูลค่านับสิบล้านกลับคืน
ด้าน พ.ต.ท.อุดม สุขประเสริฐ สว.สส.สภ.คูคต เปิดเผยว่า หลังจากรับแจ้งได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางและภายในพื้นที่ตลาดสี่มุมเมือง พบว่ากล้องวงจรปิดสามารถจับภาพของรถแท็กซี่คันที่ผู้เสียหายนั่งมาไว้ได้โดยเป็นรถเก๋งยี่ห้อ โตโยต้ารุ่นอัลติส แต่ความละเอีอดของกล้องไม่สามารถจับภาพแผ่นป้ายทะเบียนรถคันที่ผู้เสียหายนั่งมาไว้ได้ แต่ก็ได้เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางตั้งแต่จุดแรกที่ผู้เสียหายเรียกรถแท็กซี่คันเกิดเหตุเพื่อหาเบาะแสอย่างเร่งด่วนแล้ว
ขณะที่ พ.ต.อ.วิสูตร ฉัตรชัยเดช รองผบก.ภ.จว.ปทุมธานี เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนของภ.จว.ปทุมธานี ร่วมกับชุดสืบสวนของสภ.คูคต นำผู้เสียหายไปตรวจสอบจุดที่ผู้เสียหายเดินขึ้นรถบริเวณแยกSAB ถนนวรจักร กทม. เพื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อเร่งติดตามตัวผู้ขับขี่รถยนต์แท็กซี่มาสอบสวนเพื่อนำของกลางของผู้เสียหายกลับคืนมาให้ได้โดยเร็วที่สุด พร้อมทั้งประสานไปตามผู้ประกอบการแท็กซี่รับจ้างอีกกว่า20บริษัท เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับผู้เช่ารถในวันและเวลาเกิดเหตุ เพื่อให้ผู้เสียหายตรวจสอบใบหน้าผู้ขับขี่เพื่อนำตัวมาสอบสวนเพิ่มเติม หากพบว่าจงใจลักทรัพย์ไม่ยอมนำทรัพย์สินของผู้เสียหายมาคืน จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น