วันนี้ (4 ก.พ.)ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์
อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า
ตนได้อนุมัติให้มีการสอบสวนโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ(ทดแทน) จำนวน 396
หลัง วงเงิน 5,848 ล้านบาท
และโครงการก่อสร้างที่พักอาศัยข้าราชการตำรวจ(แฟลต)จำนวน 163 แห่ง วงเงิน
3,709,880,000 บาท ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)
ในฐานความผิดตามพ.ร.บ.การเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ(ฮั้วประมูล)แล้ว
นอกจากนี้ยังได้อนุมัติทำการสืบสวนโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทนในส่วน
ความผิดที่อาจเข้าข่ายการฉ้อโกงด้วย
โดยในส่วนความผิดปกติฐานฮั้วประมูลดีเอสไอพบประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการแข่ง
ขันราคา คือกรณีที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)อนุมัติงบก่อสร้างจำนวน 6,672 ล้านบาท
และตั้งงบกลางไว้ที่ 6,388 ล้านบาท โดยบริษัท พีซีซี ดิเวลล็อปเม้นท์
แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ชนะการประกวดราคาที่ 5,848 ล้านบาท
ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคากลาง 540 ล้านบาท
แต่เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับห้างหุ้นส่วนจำกัด สามประสิทธิ์
ที่เสนอราคาเป็นลำดับที่ 2 ในราคา 6,095 ล้านบาท
จะพบว่าเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคากลาง 293 ล้านบาท
แต่เป็นราคาต่ำสุดที่ต่างจากบริษัท พีซีซีฯถึง 247 ล้านบาท
ซึ่งถือเป็นเรื่องผิดปกติที่ราคามีส่วนต่างกันมาก
“ได้สั่งการให้สืบสวนข้อพิรุธในการเสนอราคาต่ำกว่าปกติ ซึ่งข้อเท็จจริงพบว่าบริษัท พีซีซีฯเสนอราคาต่ำกว่าราคากลางถึง 540 ล้านบาท และยังเสนอราคาต่ำกว่า หจก.สามประสิทธิ์ ที่เป็นผู้รับเหมารายใหญ่ และมีทุนจดทะเบียนสูงกว่า จึงน่าสังเกตว่าเป็นการตระเตรียมที่จะฉ้อโกงมาตั้งแต่ต้นหรือไม่ เนื่องจากพฤติการณ์คดีคล้ายกับว่าต้องการเสนอราคาต่ำ เพื่อชนะการประมูลจะได้เบิกเงินล่วง 15 % และเงินงวดแรกไปใช้จ่าย โดยไม่หวังให้โครงการก่อสร้างแล้วเสร็จจริง หากพบสัญญาก่อสร้างไม่เสร็จก็จะยอมให้ตำรวจ ฟ้องแพ่ง เมื่อไม่มีเงินชดใช้ก็ปล่อยให้ล้มละลาย ซึ่งดีเอสไอไม่ยอมให้จบเช่นนั้น หลังจากนี้จะเร่งตรวจสอบเส้นทางการเงินของบริษัท พีซีซีฯว่าหลังเบิกเงินแล้วเงินไหลเข้าไปถึงบุคคลใดบ้าง” นายธาริต กล่าว
อธิบดีดีเอสไอ กล่าวด้วยว่า ดีเอสไอพบข้อเท็จจริงหลายประการที่ทำให้เชื่อว่ามีการวางแผนอย่างเป็นขั้น ตอนเพื่อให้มีผู้ชนะการประมูลเพียงรายเดียว โดยมีผู้มีอิทธิพลเข้ามาเกี่ยวข้อง ถือเป็นการอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่ร้ายแรง หากมองแยกส่วนอาจมองเป็นเพียงความผิดแพ่งธรรมดา แต่เมื่อพิจารณาองค์ประกอบแต่ละส่วนประกอบกันเป็นภาพรวม 6 ส่วนจะเห็นภาพความร้ายแรงของปัญหา อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ตนจะทำหนังสือเชิญอดีตผบ.ตร. 3 คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสัญญาดังกล่าวเข้าให้ปากคำในสัปดาห์หน้า ประกอบด้วยพล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ , พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ และพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี จากนั้นจะออกหมายเรียกนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เข้าชี้แจงข้อเท็จจริง โดยขีดเส้นให้พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนคดีให้ได้ภายใน 30 วัน และสรุปสำนวนคดีฮั้วประมูลแฟลตตำรวจภายใน 50 วัน ทั้งนี้เบื้องต้นยังเป็นเพียงการเรียกเข้าให้ปากคำ จะยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา
เมื่อถามวาบริษัทพีซีซีฯออกมาชี้แจงว่าไม่เห็นด้วยกับการรวมประมูลมา ตั้งแต่ต้น นายธาริต กล่าวว่า บริษัทจะชี้แจงอย่างไรก็ได้แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าเหตุใดไม่เห็นด้วยแล้วจึง ซื้อซองยื่นประมูล และตั้งราคาต่ำกว่าราคากลางกว่า 500 ล้านบาทจนเป็นผู้ชนะประมูลงานก่อสร้าง
แหล่งข่าวจากดีเอสไอ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พบบริษัทมีการจ้างช่วงกับผู้รับเหมาในพื้นที่หลายจังหวัด โดยสถานีตำรวจขนาดใหญ่มีวงเงินสัญญาก่อสร้าง 27 ล้าน แต่บริษัท พีซีซีฯไปจ้างช่วงต่อเพียง 20 ล้านบาท หักหัวคิว 7 ล้านบาท หากเป็นสถานีตำรวจขนาดเล็กมูลค่าสัญญา 17 ล้านบาท หักค่าหัวคิว 7 ล้านบาท หลังจากนี้ดีเอสอจะเสนอให้มีการจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปคุ้มครองพยานปากสำคัญ เนื่องจากมีข้อมูลว่ามีการข่มขู่ ทำลายหลักฐานและพยายามเบี่ยงเบนประเด็นว่าไม่มีการจ้างช่วงต่อซึ่งจะเป็นการ ผิดเงื่อนไขการประมูล.
“ได้สั่งการให้สืบสวนข้อพิรุธในการเสนอราคาต่ำกว่าปกติ ซึ่งข้อเท็จจริงพบว่าบริษัท พีซีซีฯเสนอราคาต่ำกว่าราคากลางถึง 540 ล้านบาท และยังเสนอราคาต่ำกว่า หจก.สามประสิทธิ์ ที่เป็นผู้รับเหมารายใหญ่ และมีทุนจดทะเบียนสูงกว่า จึงน่าสังเกตว่าเป็นการตระเตรียมที่จะฉ้อโกงมาตั้งแต่ต้นหรือไม่ เนื่องจากพฤติการณ์คดีคล้ายกับว่าต้องการเสนอราคาต่ำ เพื่อชนะการประมูลจะได้เบิกเงินล่วง 15 % และเงินงวดแรกไปใช้จ่าย โดยไม่หวังให้โครงการก่อสร้างแล้วเสร็จจริง หากพบสัญญาก่อสร้างไม่เสร็จก็จะยอมให้ตำรวจ ฟ้องแพ่ง เมื่อไม่มีเงินชดใช้ก็ปล่อยให้ล้มละลาย ซึ่งดีเอสไอไม่ยอมให้จบเช่นนั้น หลังจากนี้จะเร่งตรวจสอบเส้นทางการเงินของบริษัท พีซีซีฯว่าหลังเบิกเงินแล้วเงินไหลเข้าไปถึงบุคคลใดบ้าง” นายธาริต กล่าว
อธิบดีดีเอสไอ กล่าวด้วยว่า ดีเอสไอพบข้อเท็จจริงหลายประการที่ทำให้เชื่อว่ามีการวางแผนอย่างเป็นขั้น ตอนเพื่อให้มีผู้ชนะการประมูลเพียงรายเดียว โดยมีผู้มีอิทธิพลเข้ามาเกี่ยวข้อง ถือเป็นการอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่ร้ายแรง หากมองแยกส่วนอาจมองเป็นเพียงความผิดแพ่งธรรมดา แต่เมื่อพิจารณาองค์ประกอบแต่ละส่วนประกอบกันเป็นภาพรวม 6 ส่วนจะเห็นภาพความร้ายแรงของปัญหา อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ตนจะทำหนังสือเชิญอดีตผบ.ตร. 3 คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสัญญาดังกล่าวเข้าให้ปากคำในสัปดาห์หน้า ประกอบด้วยพล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ , พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ และพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี จากนั้นจะออกหมายเรียกนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เข้าชี้แจงข้อเท็จจริง โดยขีดเส้นให้พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนคดีให้ได้ภายใน 30 วัน และสรุปสำนวนคดีฮั้วประมูลแฟลตตำรวจภายใน 50 วัน ทั้งนี้เบื้องต้นยังเป็นเพียงการเรียกเข้าให้ปากคำ จะยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา
เมื่อถามวาบริษัทพีซีซีฯออกมาชี้แจงว่าไม่เห็นด้วยกับการรวมประมูลมา ตั้งแต่ต้น นายธาริต กล่าวว่า บริษัทจะชี้แจงอย่างไรก็ได้แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าเหตุใดไม่เห็นด้วยแล้วจึง ซื้อซองยื่นประมูล และตั้งราคาต่ำกว่าราคากลางกว่า 500 ล้านบาทจนเป็นผู้ชนะประมูลงานก่อสร้าง
แหล่งข่าวจากดีเอสไอ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พบบริษัทมีการจ้างช่วงกับผู้รับเหมาในพื้นที่หลายจังหวัด โดยสถานีตำรวจขนาดใหญ่มีวงเงินสัญญาก่อสร้าง 27 ล้าน แต่บริษัท พีซีซีฯไปจ้างช่วงต่อเพียง 20 ล้านบาท หักหัวคิว 7 ล้านบาท หากเป็นสถานีตำรวจขนาดเล็กมูลค่าสัญญา 17 ล้านบาท หักค่าหัวคิว 7 ล้านบาท หลังจากนี้ดีเอสอจะเสนอให้มีการจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปคุ้มครองพยานปากสำคัญ เนื่องจากมีข้อมูลว่ามีการข่มขู่ ทำลายหลักฐานและพยายามเบี่ยงเบนประเด็นว่าไม่มีการจ้างช่วงต่อซึ่งจะเป็นการ ผิดเงื่อนไขการประมูล.
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น