“ประยุทธ์” สั่ง มทภ.4 ปรับแผนคุมเข้ม รปภ.ครู ใต้

ผบ.ทบ.สั่ง มทภ.4 ปรับแผนคุมเข้ม รปภ.ครู ใต้ รับ เสียใจครูตายรายวัน ชี้ทางแก้ปัญหาต้องให้ครูนอนโรงเรียน แต่ยอมรับทำได้ยาก

วันนี้ (27 พ.ย.) ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 (ททบ.5) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ครูในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 332 โรงเรียน หยุดทำการเรียนการสอน พร้อมกับปิดโรงเรียนว่าฝ่ายความมั่นคงพยายามแก้ปัญหาทุกครั้ง แต่ขณะนี้ยังมีการก่อเหตุที่รุนแรงอยู่ โดยครูเป็นเป้าหมายหลักของผู้ก่อความไม่สงบ เนื่องจากไม่ต้องการให้ประชาชนร่วมมือเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขปัญหา  ซึ่งกองทัพให้ความสำคัญมีมาตรการในการจัดชุดรักษาความปลอดภัยครู และกำหนดเส้นทาง รวมทั้งเวลาในการเดินทาง แต่ยอมรับว่าที่ผ่านมามีความบกพร่อง บางครั้งครูมีธุระส่วนตัวหรือมีความจำเป็นออกนอกเส้นทางหรือนอกเวลาที่กำหนด
“ผมขอแสดงความเสียใจต่อผู้สูญเสีย กองทัพบกพยายามหามาตรการในการดูแลและสั่งการให้แม่ทัพภาคที่ 4  รวม ถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่หามาตรการป้องกัน แต่ขณะนี้เห็นอย่างเดียวว่าถ้าจะให้เกิดความปลอดภัยต้องให้ครูพักที่ โรงเรียน เพื่อลดเป้าหมาย แต่ก็เป็นเรื่องยาก เพราะครูมีครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบ ทั้งนี้ ฝ่ายตรงข้ามพยายามลดความน่าเชื่อถือ และดิสเครดิตเจ้าหน้าที่รัฐ ทำให้การแก้ปัญหามีผลกระทบ แต่เราก็ต้องพยายามลดระดับลงให้ได้ โดยในภาพรวมครูมีจริยธรรมอยู่แล้วก็อยากจะสอนลูกศิษย์ แต่ผู้ก่อความไม่สงบยังใช้วิธีรุนแรง ดังนั้นทุกคนต้องช่วยกัน ถ้าให้เพียงแต่เจ้าหน้าที่ทำงานก็จะต้องมีมาตรการและยุทธวิธี ทั้งการใช้กำลังและกฎหมาย แต่ประชาชนไม่ชอบ”ผบ.ทบ.กล่าว 

 พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า หากครูเดินทางไปไหนและเกิดความเสี่ยง แม้จะบอกว่ามีอาวุธปืนสามารถป้องกันตนเองได้ แต่ก็เห็นว่าไม่มีความปลอดภัย สิ่งเหล่านี้ตนไม่ได้โทษใครและรู้สึกเห็นใจ ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีในฐานะ ผอ.รมน.ได้สั่งการมาแล้ว และตนก็ได้หารือกับแม่ทัพ ภาคที่ 4 อย่างต่อเนื่องและเข้มงวด ส่วนมาตรการด้านการข่าวนั้นเราทราบว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรต่อครูและนักเรียน แต่ไม่รู้ว่าจะเกิดพื้นที่ไหน  เมื่อมีโอกาสที่จะทำร้ายครูทางกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบจะทำตามคำสั่งของเขา ดังนั้นจึงอยากขอร้องให้ครูปฏิบัติตามเวลาช่วงที่เจ้าหน้าที่ได้กำหนดไว้  ส่วนที่ผู้ก่อความไม่สงบอ้างว่าเป็นการล้างแค้นให้อุสตาซที่ถูกฆ่าตายนั้นตนคิดว่าไม่ถูกต้อง และเป็นการสร้างความบาดหมางของคนสองศาสนา  ซึ่งความจริงทั้งหมดเกิดจากกลุ่มก่อความไม่สงบที่ก่อความรุนแรงพวกเดียวกันต้องการทำให้ทั้งสองฝ่ายเกิดผลกระทบ 

This entry was posted in News