ที่ห้องพิจารณาคดี 801 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อวันนี้ (17 ก.ค.)
ศาลนัดสืบพยานจำเลย คดีหมายเลขดำ อ.1008/2553 ที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ผู้นำฝ่ายค้าน อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายจตุพร พรหมพันธุ์
อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย
และแกนนำแนวร่วมประชาชนต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ( นปช.) เป็นจำเลย
ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326,
328 และ 332 กรณีเมื่อวันที่ 29 ม.ค.-15 ก.พ.53 จำเลย
กล่าวปราศรัยต่อกลุ่มคนเสื้อแดงและประชาชนที่รับชมสถานีโทรทัศน์ ช่องพีเพิล
แชลแนล
กล่าวหาว่าโจทก์เป็นนายกรัฐมนตรีที่สั่งฆ่าประชาชนและหลบเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร
โดยทนายความจำเลย นำ พ.อ.สมโชค ไกรศิริ จเรทหารบก ขึ้นเบิกความสรุปว่า
เมื่อวันที่ 7 เม.ย.30
นายอภิสิทธิ์ได้หลีกเลี่ยงขัดขืนไม่เข้าทำการตรวจเลือกทหาร
กองเกินเข้ากองประจำการปี 2530 และเป็นคนขาดการตรวจเลือกฯที่มีความผิด ตาม
พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2497 มาตรา 27 และ 45
โดยนายอภิสิทธิ์ไม่มีหลักฐานการผ่อนผัน จึงไม่มีหลักฐานทางทหาร
เพื่อประกอบการบรรจุเข้าทำงานในโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.)
แต่ภายหลังโรงเรียนนายร้อย
จปร.ดำเนินการทำหลักฐานขออนุมัติบรรจุนายอภิสิทธิ์
ซึ่งการบรรจุทำให้นายอภิสิทธิ์ได้เข้ารับราชการทหาร
ทั้งนี้พยานทราบมาว่าที่นายอภิสิทธิ์ได้เข้ารับราชการทหาร
มาจากการประสานงานจากกรมสารบัญโรงเรียนนายร้อย จปร.
ขณะที่ พ.อ.สมโชค ตอบคำถามซักค้านของทนายโจทก์ ว่า พยานไม่ทราบเลยว่าการไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษของนายอภิสิทธิ์ จะมี ก.พ.เป็นผู้ดูแลทำหนังสือผ่อนผันโดยตรง และไม่ต้องมารับการตรวจเลือกฯ ซึ่งถ้าเป็นกรณีแบบนี้จริงยอมรับว่าไม่ใช่การหนีทหาร แต่เป็นเรื่องที่ได้รับการผ่อนผัน และเมื่อนายอภิสิทธิ์ได้เป็นอาจารย์สอนที่โรงเรียนนายร้อย จปร.แล้ว จึงไม่ต้องถูกเรียกเข้าประจำการตามมาตรา 14 วรรค 7 อย่างไรก็ตามไม่ทราบว่าที่โรงเรียนนายร้อย จปร.และกระทรวงกลาโหมไม่เคยเรียกตัวนายอภิสิทธิ์ไปสอบ และให้ชี้แจงเลยสักครั้งจะเป็นเรื่องทางการเมืองหรือไม่ และที่ไม่มีหลักฐานการเข้าตรวจเลือกฯ และผ่อนผันทหารอาจจะเป็นการทำลายหลักฐานทิ้งไป
ภายหลังการเบิกความ นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายจตุพร จำเลยกล่าวว่า วันนี้พยานเบิกความได้เป็นประโยชน์กับฝ่ายจำเลย ซึ่งพยานเองระบุว่าหลังจากนายอภิสิทธิ์ได้รับการบรรจุเข้ารับราชการทหารแล้ว มีการเดินทางต่างประเทศเป็นเวลากว่า 200 วันภายใน 1 ปี ทั้งที่มีการปฏิบัติหน้าที่เพียง 300 วัน.
ขณะที่ พ.อ.สมโชค ตอบคำถามซักค้านของทนายโจทก์ ว่า พยานไม่ทราบเลยว่าการไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษของนายอภิสิทธิ์ จะมี ก.พ.เป็นผู้ดูแลทำหนังสือผ่อนผันโดยตรง และไม่ต้องมารับการตรวจเลือกฯ ซึ่งถ้าเป็นกรณีแบบนี้จริงยอมรับว่าไม่ใช่การหนีทหาร แต่เป็นเรื่องที่ได้รับการผ่อนผัน และเมื่อนายอภิสิทธิ์ได้เป็นอาจารย์สอนที่โรงเรียนนายร้อย จปร.แล้ว จึงไม่ต้องถูกเรียกเข้าประจำการตามมาตรา 14 วรรค 7 อย่างไรก็ตามไม่ทราบว่าที่โรงเรียนนายร้อย จปร.และกระทรวงกลาโหมไม่เคยเรียกตัวนายอภิสิทธิ์ไปสอบ และให้ชี้แจงเลยสักครั้งจะเป็นเรื่องทางการเมืองหรือไม่ และที่ไม่มีหลักฐานการเข้าตรวจเลือกฯ และผ่อนผันทหารอาจจะเป็นการทำลายหลักฐานทิ้งไป
ภายหลังการเบิกความ นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายจตุพร จำเลยกล่าวว่า วันนี้พยานเบิกความได้เป็นประโยชน์กับฝ่ายจำเลย ซึ่งพยานเองระบุว่าหลังจากนายอภิสิทธิ์ได้รับการบรรจุเข้ารับราชการทหารแล้ว มีการเดินทางต่างประเทศเป็นเวลากว่า 200 วันภายใน 1 ปี ทั้งที่มีการปฏิบัติหน้าที่เพียง 300 วัน.
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น