แฉรัฐบาลไม่เปิดปั้มสูบ ธีระชนหวั่นน้ำเหนือถล่มกรุง

“ธีระชน” หวั่นกรุงเทพฯเสี่ยงน้ำท่วมซ้ำรอยเดิม ซัดรัฐบาลบริหารน้ำผิดพลาด ชี้น้ำเหนือหลากมาแล้วดันกักน้ำไว้ที่คลองระพีพัฒน์ -ไม่เร่งไล่น้ำลงฟลัดเวย์ แถมเปิดเครื่องสูบแค่ 8 ตัว จาก 67 ตัว ระบุต้องแก้ตามแนวพระราชดำริ "ในหลวง"

เมื่อวันที่ 9 ก.ย. นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า ตามที่ได้ร่วมในคณะทำงานบริหารจัดน้ำกับรัฐบาลในการแก้ปัญหาวิกฤติอุทกภัยใน พื้นที่กรุงเทพฯ ช่วงปลายปี 54 ที่ผ่านมา และจากที่ได้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด ขณะนี้มีความเป็นห่วงว่ารัฐบาลกำลังจะเดินซ้ำรอยการบริหารจัดการน้ำที่ผิด พลาดแบบเดิมอีก เพราะช่วงนี้เป็นฤดูฝนที่น้ำเริ่มหลากจากด้านเหนือกรุงเทพฯ ลงมาแล้ว  ซึ่งควรให้น้ำด้านบนกรุงเทพฯ ได้ระบายออกสู่อ่าวไทยผ่านพื้นที่รับน้ำ (ฟลัดเวย์) ด้านตะวันออก ใต้คลองหกวาสายล่าง ระหว่างคลอง 8-13 โดยต้องให้น้ำไหลไปชายทะเล ในพื้นที่ความยาว 70 กิโลเมตร คูณ 15 กิโลเมตร เพื่อไล่น้ำจากด้านบนตั้งแต่คลองระพีพัฒน์ระบายลงมาด้านล่าง ตามแนวพระราชดำริที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานไว้เมื่อปี 38

นายธีระชน กล่าวต่อว่า แต่ปรากฏว่าขณะนี้กำลังมีการกักน้ำไว้ที่คลองระพีพัฒน์ ทำให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาบางส่วนเริ่มได้รับผลกระทบแล้ว นอกจากนี้เครื่องสูบน้ำในฝั่งตะวันออกที่เดิมมี 52 เครื่อง และกรมชลประทานได้เพิ่มเป็น 67 เครื่องในปีนี้ กลับไม่เร่งเปิดใช้งานเพื่อปล่อยน้ำลงมาด้านล่าง  จากการตรวจสอบข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 7 ก.ย. ปรากฏว่าเปิดใช้งานแค่ 8 เครื่อง หรือแค่ 12 เปอร์เซ็นต์ ในขณะนี้ที่น้ำด้านบนเริ่มมีน้ำเหนือไหลลงมาแล้ว  เหตุใดจึงไม่เร่งระบายน้ำไปตามระบบ ซึ่งการบริหารจัดการเช่นนี้จะทำให้พื้นที่กรุงเทพฯ มีความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมเหมือนกับปีที่แล้ว ที่มีการกักน้ำไว้ที่คลองระพีพัฒน์ คลองรังสิตและคลองหกวาสายล่าง จนสุดท้ายน้ำก็ท่วมทะลักเข้ามาในกรุงเทพฯ

นายธีระชน กล่าวด้วยว่า ขอให้คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ไปศึกษา กระแสพระราชดำรัสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานไว้เมื่อปี 38  เกี่ยวกับคลองแสนแสบ คลองลาดพร้าว คลองประเวศ คลองจำพวกนี้ไม่สมควรรับน้ำจากอยุธยา คือ ไม่ใช่คลองที่จะใช้รับน้ำเหนือหรือใช้รับน้ำจากอยุธยา คลองเหล่านี้ใช้ในการระบายน้ำฝนที่ตกในพื้นที่ โดยขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้น้อมนำเอากระแสพระราชดำรัส มาเป็นแนวทางในการบริหารจัดการน้ำ เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดซ้ำรอยเดิมอีก ตนไม่ขัดแย้งกับการทดลองการระบายน้ำในพื้นที่กรุงเทพฯ ของรัฐบาล จะทำอะไรก็ทำไป แต่ห่วงการบริหารจัดการในภาพหลักที่เป็นเรื่องที่บริหารจัดการได้ แต่กลับไม่ทำไปตามระบบที่ควรจะเป็น  

This entry was posted in News