จากกรณีนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สั่งกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ชะลอการขึ้นค่าเข้าชมอุทยานฯ
29 แห่ง
ออกไปอย่างไม่มีกำหนดโดยอ้างว่ากระทบรายได้การท่องเที่ยวพร้อมให้มีการตั้ง
กรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการบริหารและการใช้จ่ายเงินของกรมอุทยานฯ
ในช่วงที่มีนายดำรงค์ พิเดช
เป็นอธิบดีและให้เลื่อนการเข้าไปรื้อถอนรีสอร์ทและบ้านพักหรูที่บุกรุก
พื้นที่อุทยานฯ เขาแหลมหญ้า –เกาะเสม็ด จ.ระยองและอุทยานฯ สิรินาถ
จ.ภูเก็ตนั้น
วันนี้ (1 พ.ย.) นายดำรงค์ พิเดช อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ให้สัมภาษณ์ว่า หากนายปรีชาจะตั้งกรรมการสอบก็ตั้งไป เพราะตนไม่ได้ทำความผิดอะไร การขึ้นค่าเข้าอุทยานฯ เป็นการทำตามความเหมาะสม และเป็นไปตามงานวิจัย ซึ่งไม่ได้เป็นเงินจำนวนมากนัก ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวในอุทยานฯ ก็เต็มใจที่จะจ่ายอยู่แล้ว แต่หากรัฐมนตรีไม่เห็นด้วยก็ไม่ต้องอนุมัติ แต่ตอนที่มีการขึ้นค่าธรรมเนียมเข้าชมอุทยานฯ ทำไมนายปรีชาไม่ระงับ มาระงับอะไรตอนนี้ ส่วนเรื่องเงินรายได้ของอุทยานฯ ที่กล่าวหาว่าตนนำคณะไปดูงานต่างประเทศนั้น ยอมรับว่าจริง แต่มีการอนุมัติการเดินทางถูกต้องทั้งจากคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ ปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ และก็เป็นอำนาจของตนในฐานะอธิบดี ดังนั้นการกระทำทั้งหมดกระทำโดยสุจริตและถูกต้องตามขั้นตอนทุกอย่าง ที่สำคัญการนำเจ้าหน้าที่ป่าไม้ไปดูงานต่างประเทศ ถือเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เพิ่มประสบการณ์ ที่ผ่านมาคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ รวมทั้งสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ก็เรียกตนไปสอบถามข้อเท็จจริง ก็ได้ชี้แจงไปไม่มีใครสงสัย
นายดำรงค์ กล่าวต่อว่า การนำเงินรายได้ของอุทยานฯ ไปใช้ใช่ว่าตนไปทุจริตคดโกงใครที่ไหน ทั้งนี้ที่ผ่านมาการทำงานของกรมอุทยานหลายงานต้องใช้เงินรายได้อุทยานฯ เข้าช่วยทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องการรื้อถอนรีสอร์ทที่บุกรุกพื้นที่ อุทยานแห่งชาติ การปราบปรามผู้ลักลอบตัดไม้พะยูง รื้อถอนสวนยาง หรือกระทั่งเรื่องพรุควนเคร็ง เงินรายได้อุทยานทั้งนั้น เพราะของบประมาณจากรัฐบาลไม่ได้เลย และเวลาที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ไปปราบปรามผู้กระทำความผิด นายปรีชา ก็รับทราบทุกครั้ง แม้จะไม่เคยมาร่วมการปราบปรามก็ตาม
ด้านนายวิทยา หงส์เวียงจันทร์ ผอ.สำนักอุทยานฯ กรมอุทยานฯ กล่าวว่า กรณีการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานฯ เป็นการดำเนินการตามความเหมาะสม เพราะเราไม่ได้ปรับมา 5 ปีแล้ว และเป็นการเตรียมการรองรับประชาคมอาเซียน ซึ่งเมื่อเปิดประชาคมอาเซียนประเทศไทยจะเสียเปรียบเพราะประเทศอื่นอัตราค่า เข้าอุทยานฯ ล้วนสูงกว่าทั้งนั้น ทั้งนี้การปรับค่าเข้าอุทยานฯ ก็มีงานวิจัยรองรับว่าต้องมีค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ 97-100 บาทต่อคน ซึ่งเราก็ไม่ได้ปรับเกินเลยไปจากนี้ และปรับเพียง 29 แห่ง ไม่ได้ปรับทั่วประเทศ แต่หากมีนโยบายไม่ให้ดำเนินการต่อก็ต้องปฏิบัติตาม
ขณะที่นายปรีชา กล่าวว่า การที่ตนต้องมีการตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการบริหารงานในกรมอุทยานฯ ช่วงที่นายดำรงค์ เป็นอธิบดี เพราะมีการร้องเรียนมาจากผู้ประกอบการธุรกิจเอกชนรวมทั้งหัวหน้าอุทยานฯ บางแห่งว่าเก็บเงินรายได้จากอุทยานฯ ไปแล้ว เวลาขอไปบูรณะซ่อมแซมบ้านพัก ห้องน้ำ ก็ไม่ให้แถมขู่จะย้าย ตนก็เรียกเอกสารมาดูปรากกฏว่าเงินรายได้อุทยานฯ มีเป็นร้อยล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ใช้ไปกับการดูงานต่างประเทศ ดังนั้น ตนก็ให้สำนักงานตรวจสอบภายในกระทรวงทรัพยากรฯ ไปตรวจสอบว่ามีการใช้เงินถูกประเภทหรือไม่ ถ้าไม่ถูกต้องก็ให้แจ้ง สตง.
“จากนี้ไปตนจะเข้มงวดกับกรมป่าไม้และกรมอุทยานฯ ให้มากขึ้นว่าต้องทำงานอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่ซ่อนเร้น ไม่สร้างภาพว่าตัวเองดีเด่นดัง แต่ข้างในเน่าเฟะ โดยตนจะเปิดโรงเรียนฝึกอบรมข้าราชการขึ้นมาใหม่ เพื่อใช้อบรมข้าราชการให้มีวินัย” นายปรีชา กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การแต่งตั้งอธิบดีกรมอุทยานฯ จะดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อไร นายปรีชา กล่าวว่า กระทรวงทรัพยากรฯ มีผู้บริหารที่มีฝีมือเยอะ เดิมตนจะแต่งตั้งข้าราชการระดับ 10 ไป 10 หรือแต่งตั้งระดับอธิบดีไปเป็นอธิบดี แต่ไม่เอาแล้ว โดยจะเปิดโอกาสให้ข้าราชการระดับ 9 ของแต่ละกรมได้ขึ้นมาเป็นระดับ 10 ดังนั้นอธิบดีกรมอุทยานฯ จะเปิดรับสมัครข้าราชการระดับ 9 จากกรมต่างๆ ให้มาสมัครจากนั้นจะให้แสดงวิสัยทัศน์ก่อนจะพิจารณาลงมติเลือกเหมือนแต่ง ตั้งรองผู้ว่าราชการจังหวัดขึ้นเป็นผู้ว่าฯ ใช้เวลาประมารณ 2 สัปดาห์น่าจะได้ตัวอธิบดีกรมอุทยานฯคนใหม่.
วันนี้ (1 พ.ย.) นายดำรงค์ พิเดช อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ให้สัมภาษณ์ว่า หากนายปรีชาจะตั้งกรรมการสอบก็ตั้งไป เพราะตนไม่ได้ทำความผิดอะไร การขึ้นค่าเข้าอุทยานฯ เป็นการทำตามความเหมาะสม และเป็นไปตามงานวิจัย ซึ่งไม่ได้เป็นเงินจำนวนมากนัก ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวในอุทยานฯ ก็เต็มใจที่จะจ่ายอยู่แล้ว แต่หากรัฐมนตรีไม่เห็นด้วยก็ไม่ต้องอนุมัติ แต่ตอนที่มีการขึ้นค่าธรรมเนียมเข้าชมอุทยานฯ ทำไมนายปรีชาไม่ระงับ มาระงับอะไรตอนนี้ ส่วนเรื่องเงินรายได้ของอุทยานฯ ที่กล่าวหาว่าตนนำคณะไปดูงานต่างประเทศนั้น ยอมรับว่าจริง แต่มีการอนุมัติการเดินทางถูกต้องทั้งจากคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ ปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ และก็เป็นอำนาจของตนในฐานะอธิบดี ดังนั้นการกระทำทั้งหมดกระทำโดยสุจริตและถูกต้องตามขั้นตอนทุกอย่าง ที่สำคัญการนำเจ้าหน้าที่ป่าไม้ไปดูงานต่างประเทศ ถือเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เพิ่มประสบการณ์ ที่ผ่านมาคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ รวมทั้งสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ก็เรียกตนไปสอบถามข้อเท็จจริง ก็ได้ชี้แจงไปไม่มีใครสงสัย
นายดำรงค์ กล่าวต่อว่า การนำเงินรายได้ของอุทยานฯ ไปใช้ใช่ว่าตนไปทุจริตคดโกงใครที่ไหน ทั้งนี้ที่ผ่านมาการทำงานของกรมอุทยานหลายงานต้องใช้เงินรายได้อุทยานฯ เข้าช่วยทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องการรื้อถอนรีสอร์ทที่บุกรุกพื้นที่ อุทยานแห่งชาติ การปราบปรามผู้ลักลอบตัดไม้พะยูง รื้อถอนสวนยาง หรือกระทั่งเรื่องพรุควนเคร็ง เงินรายได้อุทยานทั้งนั้น เพราะของบประมาณจากรัฐบาลไม่ได้เลย และเวลาที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ไปปราบปรามผู้กระทำความผิด นายปรีชา ก็รับทราบทุกครั้ง แม้จะไม่เคยมาร่วมการปราบปรามก็ตาม
ด้านนายวิทยา หงส์เวียงจันทร์ ผอ.สำนักอุทยานฯ กรมอุทยานฯ กล่าวว่า กรณีการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานฯ เป็นการดำเนินการตามความเหมาะสม เพราะเราไม่ได้ปรับมา 5 ปีแล้ว และเป็นการเตรียมการรองรับประชาคมอาเซียน ซึ่งเมื่อเปิดประชาคมอาเซียนประเทศไทยจะเสียเปรียบเพราะประเทศอื่นอัตราค่า เข้าอุทยานฯ ล้วนสูงกว่าทั้งนั้น ทั้งนี้การปรับค่าเข้าอุทยานฯ ก็มีงานวิจัยรองรับว่าต้องมีค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ 97-100 บาทต่อคน ซึ่งเราก็ไม่ได้ปรับเกินเลยไปจากนี้ และปรับเพียง 29 แห่ง ไม่ได้ปรับทั่วประเทศ แต่หากมีนโยบายไม่ให้ดำเนินการต่อก็ต้องปฏิบัติตาม
ขณะที่นายปรีชา กล่าวว่า การที่ตนต้องมีการตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการบริหารงานในกรมอุทยานฯ ช่วงที่นายดำรงค์ เป็นอธิบดี เพราะมีการร้องเรียนมาจากผู้ประกอบการธุรกิจเอกชนรวมทั้งหัวหน้าอุทยานฯ บางแห่งว่าเก็บเงินรายได้จากอุทยานฯ ไปแล้ว เวลาขอไปบูรณะซ่อมแซมบ้านพัก ห้องน้ำ ก็ไม่ให้แถมขู่จะย้าย ตนก็เรียกเอกสารมาดูปรากกฏว่าเงินรายได้อุทยานฯ มีเป็นร้อยล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ใช้ไปกับการดูงานต่างประเทศ ดังนั้น ตนก็ให้สำนักงานตรวจสอบภายในกระทรวงทรัพยากรฯ ไปตรวจสอบว่ามีการใช้เงินถูกประเภทหรือไม่ ถ้าไม่ถูกต้องก็ให้แจ้ง สตง.
“จากนี้ไปตนจะเข้มงวดกับกรมป่าไม้และกรมอุทยานฯ ให้มากขึ้นว่าต้องทำงานอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่ซ่อนเร้น ไม่สร้างภาพว่าตัวเองดีเด่นดัง แต่ข้างในเน่าเฟะ โดยตนจะเปิดโรงเรียนฝึกอบรมข้าราชการขึ้นมาใหม่ เพื่อใช้อบรมข้าราชการให้มีวินัย” นายปรีชา กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การแต่งตั้งอธิบดีกรมอุทยานฯ จะดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อไร นายปรีชา กล่าวว่า กระทรวงทรัพยากรฯ มีผู้บริหารที่มีฝีมือเยอะ เดิมตนจะแต่งตั้งข้าราชการระดับ 10 ไป 10 หรือแต่งตั้งระดับอธิบดีไปเป็นอธิบดี แต่ไม่เอาแล้ว โดยจะเปิดโอกาสให้ข้าราชการระดับ 9 ของแต่ละกรมได้ขึ้นมาเป็นระดับ 10 ดังนั้นอธิบดีกรมอุทยานฯ จะเปิดรับสมัครข้าราชการระดับ 9 จากกรมต่างๆ ให้มาสมัครจากนั้นจะให้แสดงวิสัยทัศน์ก่อนจะพิจารณาลงมติเลือกเหมือนแต่ง ตั้งรองผู้ว่าราชการจังหวัดขึ้นเป็นผู้ว่าฯ ใช้เวลาประมารณ 2 สัปดาห์น่าจะได้ตัวอธิบดีกรมอุทยานฯคนใหม่.
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น