วันนี้ ( 20 ต.ต. ) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
กล่าวในรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชนถึงผลการประชุมสุดยอดผู้นำกรอบความ
ร่วมมือเอเชีย (เอซีดี) ที่รัฐคูเวต ว่า
ไทยมีบทบาทริเริ่มให้มีความร่วมมือนี้เมื่อ 10
ปีที่ผ่านมาขณะนี้มีสมาชิกประมาณ 32 ประเทศ
เอซีดีเป็นเวทีเดียวที่รวมผู้นำของเอเชียทั้งหมดในการสร้างความแข็งแรงใน
ภูมิภาคนี้
ภาพรวมของการประชุมคือทุกประเทศเห็นความสำคัญว่าเป็นเวทีที่จะแก้ไขปัญหา
เศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ความยากจน
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ในเวทีนี้ได้พูดคุยเรื่องความมั่นคงทางอาหาร พลังงาน ที่จะแลกเปลี่ยนกันอย่างเป็นรูปธรรม โดยฝ่ายไทยเสนอสานต่อความร่วมมือให้เกิดเป็นรูปธรรม เชื่อมโยงระบบคมนาคม การขนส่ง ความสัมพันธ์ระหว่างกัน ข่าวดีคือรัฐคูเวตได้เสนอจัดตั้งกองทุนเข้ามาช่วยในการลงทุนพัฒนาแก้ปัญหา โครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯเบื้องต้นคูเวตจัดสรรงบประมาณให้เป็นจุดเริ่มต้น 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวถึงกรณี ไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำเอซีดีในปี 2558 ปีเดียวกับที่ก้าวสู่ประชาคมอาเซียนว่า เพราะคิดว่าอาเซียนมีความพร้อมและแข็งแรง น่าจะเป็นโอกาสดีที่ให้ภูมิภาคอื่น หรือ ประเทศอื่นในเอเชียมาร่วมกันสร้างความร่วมให้เกิดเป็นรูปธรรม
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ได้หารือกับนายกรัฐมนตรีคูเวตหลายเรื่อง โดยขอบคุณที่คูเวตให้การสนับสนุนไทยในเวทีโอไอซี(องค์การการประชุมอิสลาม) ซึ่งไทยได้เน้นย้ำการแก้ไขปัญหาภาคใต้ ด้วยสันติวิธีเพื่อให้ทางคูเวตสบายใจและรับรู้ข่าวสารที่ถูกต้อง ทั้งนี้ได้ขอบคุณทางคูเวตที่ให้ทุนนักเรียนไทยจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ทุกปี ทางรัฐบาลคูเวตดูแลนักเรียนไทยเป็นอย่างดี ก็หวังว่าจะมอบทุนต่อเนื่องและเพิ่มทุนให้นักเรียนไทยมุสลิมอีก นอกจากนี้ยังได้ขอเป็นเจ้าภาพเชิญคูเวตมาประชุมระดับรัฐมนตรีกระทรวงใหญ่ๆ เช่น กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงการคลัง
"ผลสะท้อนที่ได้กลับมาคือทุกวันนี้ทุกประเทศให้ความสำคัญกับประเทศไทยและ ภูมิภาคนี้มาก เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่ใช้โอกาสนี้เปิดตลาดใหม่เพื่อขยายการค้า การลงทุน รวมทั้งเชิญนักลงทุน นักท่องเที่ยวมาประเทศไทย เชื่อว่าระยะยาวจะเสริมสร้างเศรษฐกิจไทยให้แข็งแรง โดยเฉพาะความผันผวนทางเศรษฐกิจจะทำให้ทุกประเทศหันมาสนใจเอเชีย ถ้ามีการสร้างความสัมพันธ์ ความแข็งแรงที่ดีจะทำให้เกิดความร่วมมือภาครัฐ และเอกชน" น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวทิ้งท้าย
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ในเวทีนี้ได้พูดคุยเรื่องความมั่นคงทางอาหาร พลังงาน ที่จะแลกเปลี่ยนกันอย่างเป็นรูปธรรม โดยฝ่ายไทยเสนอสานต่อความร่วมมือให้เกิดเป็นรูปธรรม เชื่อมโยงระบบคมนาคม การขนส่ง ความสัมพันธ์ระหว่างกัน ข่าวดีคือรัฐคูเวตได้เสนอจัดตั้งกองทุนเข้ามาช่วยในการลงทุนพัฒนาแก้ปัญหา โครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯเบื้องต้นคูเวตจัดสรรงบประมาณให้เป็นจุดเริ่มต้น 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวถึงกรณี ไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำเอซีดีในปี 2558 ปีเดียวกับที่ก้าวสู่ประชาคมอาเซียนว่า เพราะคิดว่าอาเซียนมีความพร้อมและแข็งแรง น่าจะเป็นโอกาสดีที่ให้ภูมิภาคอื่น หรือ ประเทศอื่นในเอเชียมาร่วมกันสร้างความร่วมให้เกิดเป็นรูปธรรม
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ได้หารือกับนายกรัฐมนตรีคูเวตหลายเรื่อง โดยขอบคุณที่คูเวตให้การสนับสนุนไทยในเวทีโอไอซี(องค์การการประชุมอิสลาม) ซึ่งไทยได้เน้นย้ำการแก้ไขปัญหาภาคใต้ ด้วยสันติวิธีเพื่อให้ทางคูเวตสบายใจและรับรู้ข่าวสารที่ถูกต้อง ทั้งนี้ได้ขอบคุณทางคูเวตที่ให้ทุนนักเรียนไทยจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ทุกปี ทางรัฐบาลคูเวตดูแลนักเรียนไทยเป็นอย่างดี ก็หวังว่าจะมอบทุนต่อเนื่องและเพิ่มทุนให้นักเรียนไทยมุสลิมอีก นอกจากนี้ยังได้ขอเป็นเจ้าภาพเชิญคูเวตมาประชุมระดับรัฐมนตรีกระทรวงใหญ่ๆ เช่น กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงการคลัง
"ผลสะท้อนที่ได้กลับมาคือทุกวันนี้ทุกประเทศให้ความสำคัญกับประเทศไทยและ ภูมิภาคนี้มาก เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่ใช้โอกาสนี้เปิดตลาดใหม่เพื่อขยายการค้า การลงทุน รวมทั้งเชิญนักลงทุน นักท่องเที่ยวมาประเทศไทย เชื่อว่าระยะยาวจะเสริมสร้างเศรษฐกิจไทยให้แข็งแรง โดยเฉพาะความผันผวนทางเศรษฐกิจจะทำให้ทุกประเทศหันมาสนใจเอเชีย ถ้ามีการสร้างความสัมพันธ์ ความแข็งแรงที่ดีจะทำให้เกิดความร่วมมือภาครัฐ และเอกชน" น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวทิ้งท้าย
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น