วันนี้(20ต.ค.) มีรายงานว่า นายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์
อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพพาณิชยการ จำกัด(มหาชน) หรือบีบีซี
ที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดียักยอกทรัพย์ธนาคารดังกล่าว
แล้วถูกศาลสั่งจำคุกเป็นเวลา 20 ปี
จากนั้นได้ป่วยเป็นโรคมะเร็งปอดจนต้องมารักษาตัวที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
และได้เสียชีวิตลงแล้วด้วยวัย 63 ปี เมื่อเช้าวันนี้
โดยกำหนดรดน้ำศพในช่วงเย็น และสวดอภิธรรม ที่ศาลาเจ้าจอม วัดธาตุทอง
ถนนสุขุมวิท หลังจากนั้นจะเก็บศพไว้ 100 วัน
นายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ มีชื่อเล่นว่า ตั้ว เป็นบุตรชายของนายนิธิพัฒน์ ชาลีจันทร์ กับนางอินทิรา ชาลีจันทร์ จบปริญญาโทบริหารธุรกิจ สาขาการเงิน จากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา เคยทำงานกับบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ภัทรธนกิจ ก่อนจะไปทำงานที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นเวลา 10 ปี ตำแหน่งสุดท้ายคือ หัวหน้าส่วนวิเคราะห์สถาบันการเงิน
ปี พ.ศ. 2529 นายเกริกเกียรติได้เข้ามาทำงานที่ธนาคารกรุงเทพพาณิชยการ ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวฝ่ายมารดา ในตำแหน่งรอง กรรมการผู้จัดการและผู้อำนวยการฝ่ายสาขา ก่อนจะรับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ในเวลาต่อมา
ภายใต้การบริหารงานธนาคารกรุงเทพพาณิชยการ นายเกริกเกียรติ ได้ขยายกิจการธนาคาร โดยมุ่งเน้นไปที่สายงานวาณิชธนกิจ, บริหารเงิน และการต่างประเทศ โดยการดำเนินงานของนายราเกซ สักเสนา นักการเงินชาวอินเดีย ซึ่งดำรงตำแหน่งที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่
จนวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2539 ธนาคารแห่งประเทศไทยเข้ายึดกิจการธนาคารกรุงเทพพาณิชการ และสั่งปิดกิจการ พร้อมกับฟ้องศาลดำเนินคดีกับนายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ และนายราเกซ สักเสนา ว่ากระทำผิดตามกฎหมาย ธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. 2505 และ กฎหมายหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ในข้อกล่าวหา ฉ้อโกงและยักยอก รวมทั้งสิ้น 17 คดี มูลค่ากว่า 50,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ศาลชั้นต้นได้มีตัดสินเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2552 สั่งจำคุกนายเกริกเกียรติ 20 ปี และปรับเป็นเงิน 3.1 พันล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โดยนายเกริกเกียรติได้ขอเลื่อนการพิจารณา โดยให้เหตุผลว่าป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย ซึ่งถือว่าการเสียชีวิตของนายเกริกเกียรติ เป็นการปิดฉากตำนานแบงก์บีบีซี
นายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ มีชื่อเล่นว่า ตั้ว เป็นบุตรชายของนายนิธิพัฒน์ ชาลีจันทร์ กับนางอินทิรา ชาลีจันทร์ จบปริญญาโทบริหารธุรกิจ สาขาการเงิน จากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา เคยทำงานกับบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ภัทรธนกิจ ก่อนจะไปทำงานที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นเวลา 10 ปี ตำแหน่งสุดท้ายคือ หัวหน้าส่วนวิเคราะห์สถาบันการเงิน
ปี พ.ศ. 2529 นายเกริกเกียรติได้เข้ามาทำงานที่ธนาคารกรุงเทพพาณิชยการ ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวฝ่ายมารดา ในตำแหน่งรอง กรรมการผู้จัดการและผู้อำนวยการฝ่ายสาขา ก่อนจะรับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ในเวลาต่อมา
ภายใต้การบริหารงานธนาคารกรุงเทพพาณิชยการ นายเกริกเกียรติ ได้ขยายกิจการธนาคาร โดยมุ่งเน้นไปที่สายงานวาณิชธนกิจ, บริหารเงิน และการต่างประเทศ โดยการดำเนินงานของนายราเกซ สักเสนา นักการเงินชาวอินเดีย ซึ่งดำรงตำแหน่งที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่
จนวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2539 ธนาคารแห่งประเทศไทยเข้ายึดกิจการธนาคารกรุงเทพพาณิชการ และสั่งปิดกิจการ พร้อมกับฟ้องศาลดำเนินคดีกับนายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ และนายราเกซ สักเสนา ว่ากระทำผิดตามกฎหมาย ธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. 2505 และ กฎหมายหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ในข้อกล่าวหา ฉ้อโกงและยักยอก รวมทั้งสิ้น 17 คดี มูลค่ากว่า 50,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ศาลชั้นต้นได้มีตัดสินเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2552 สั่งจำคุกนายเกริกเกียรติ 20 ปี และปรับเป็นเงิน 3.1 พันล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โดยนายเกริกเกียรติได้ขอเลื่อนการพิจารณา โดยให้เหตุผลว่าป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย ซึ่งถือว่าการเสียชีวิตของนายเกริกเกียรติ เป็นการปิดฉากตำนานแบงก์บีบีซี
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น