วันนี้ (12 ต.ค.) เวลา 10.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ยุทธศักดิ์
ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ที่ยังคงมีร้านค้าหลายร้านกลัว
ไม่กล้าเปิดร้านขายของวันศุกร์ตามคำขู่ของกลุ่มก่อการร้ายในภาคใต้ว่า
ได้มีการรายงานมาแล้วว่าขณะนี้ร้านค้าในพื้นที่ 3 จังหวัด
โดยเฉพาะร้านสะดวกซื้อ และซุปเปอร์มาเก็ตเปิดหมดแล้ว ส่วนในตลาด
มีร้านค้าที่เป็นของชาวไทยพุทธเปิดหมดแล้ว
มีเพียงร้านค้าของชาวไทยมุสลิมที่ยังมีหลายแห่งไม่กล้าเปิด
ยังรีรอดูอยู่ว่าจะมีความปลอดภัยแค่ไหน เขายังมีความกลัวอยู่บ้าง
แต่อย่างน้อยก็ดีขึ้นกว่าเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
“ดังนั้นโดยสรุปใน 3 จังหวัดมีบางจังหวัดได้เปิดแล้วประมาณ 30 % บางจังหวัดก็เปิดเกิน 30 % ซึ่งก็ถือว่ายังน้อยอยู่สำหรับชาวไทยมุสลิม สำหรับจังหวัดที่ยังเปิดไม่มากคือยะลาและนราธิวาส ส่วนปัตตานีเปิดมากแล้ว โดยเฉพาะที่ เบตง เปิด 100 เปอร์เซ็นต์” รองนายกฯ กล่าว
พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เปิดสายด่วนอุ่นใจ 1890 หากประชาชนมีปัญหา หรือประสบเหตุสามารถแจ้งได้ เมื่อถามว่า ความจริงตัวที่จะชี้วัดว่าจะสามารถต่อสู้กับกลุ่มโจรได้หรือไม่คือการเปิด ร้านของชาวไทยมุสลิมไม่ใช่หรือ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ถูกต้อง แต่ขณะนี้ถือว่าสถานการณ์ดีขึ้นกว่าเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ความเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อการร้ายในพื้นที่เป็นอย่างไร พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มนี้เขาพยายามปล่อยข่าวว่า การให้หยุดวันศุกร์นั้นไม่ใช่เป็นการกระทำของเขา แต่กลับโยนว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ไทยเอง ที่ต้องการสร้างสถานการณ์ขึ้นมาเอง เพราะฉะนั้นเราก็ต้องไปทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่และประชาชนว่าเรื่องนี้ เป็นการสั่งการมาจากบางรัฐนอกประเทศ ใบปลิวข่มขู่ต่าง ๆ ก็ไม่ได้พิมพ์จาก 3 จังหวัดภาคใต้ แต่มาจากจังหวัดอื่น
อย่างไรก็ตามขณะนี้ชาวมุสลิมส่วนใหญ่มีความเข้าใจกับสถานการณ์ที่เกิด ขึ้นโดยเฉพาะหลังจากมีการแจกเอกสารของจุฬาราชมนตรีเกี่ยวกับหลักศาสนาของเขา ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ดังนั้นกลุ่มนี้จะบิดเบือนอย่างไรก็ไม่เป็นผล ตอนนี้ชาวบ้านแค่กลัวเท่านั้น ไม่แน่ใจว่าเจ้าหน้าที่จะคุ้มครองเขาได้ตลอดหรือไม่ และเขาจะถูกคุกคามด้วยความรุนแรงหรือไม่ ทั้งนี้ในแง่ของจิตวิทยาการเอาชนะด้วยความกลัวจะไม่ยั่งยืน ดังนั้นเราต้องพยายามจะทำให้ชาวบ้านมีความมั่นใจในความปลอดภัย และสุดท้ายเขาก็จะหันมาให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่มากขึ้น
รองนายกฯ กล่าวด้วยว่าสำหรับเหตุการณ์ลอบยิงที่เกิดขึ้นทุกวันในขณะนี้เป็นเพราะเขา ต้องการพยายามสร้างความกลัว เพื่อควบคุมประชาชน ซึ่งเราประเมินสิ่งที่กลุ่มก่อการร้ายทำความรุนแรงในขณะนี้คือ 1.เพื่อต้องการไล่ชาวพุทธออกจากพื้นที่ 2.เขาจะปกครองชาวมุสลิมด้วยความกลัวในพื้นที่ต่อไป เพราะฉะนั้นรัฐบาลจะต้องเข้าไปแก้ปัญหานี้ให้ได้ ต้องดูแลทั้งชาวพุทธและมุสลิมให้ทำมาหากินในพื้นที่ได้และมั่นใจในความ ปลอดภัย โดยขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทำงานอย่างเต็มที่ ส่วนการเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่นั้นยังอยู่ในแผนเตรียมการที่จะเพิ่มกำลังเจ้า หน้าที่ให้มากขึ้น โดยต้องการให้มีกำลังตำรวจเพิ่มอีก 5 พันคน กำลังทหารอีก 4 หมื่นคน และอาสาสมัครอีก 2,700 คนซึ่งมีอยู่ในแผนหมดแล้ว งบประมาณก็มีแล้วจะเรียบร้อยภายใน 6 เดือน ซึ่งทั้งหมดจะเน้นในเรื่องของความปลอดภัย
เมื่อถามว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติเมื่อไหร่ ที่ถูกข่มขู่หยุดขายวันศุกร์ รองนายกฯ กล่าวว่า เชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้นกว่าเดิมซึ่งเราคงต้องใช้เวลาบ้าง “เราจะพยายามทำให้สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติให้ได้ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้” อย่างไรก็ตามกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย ทางรมว.ต่างประเทศกำลังมีการประสานอยู่โดยเฉพาะเรื่องของคน 2 สัญชาติ ส่วนเรื่องการข่าวก็มีการแลกเปลี่ยนกันตลอด และประมาณต้นเดือนพฤศจิกายน จะให้ผอ.ข่าวกรองแห่งชาติของเราไปร่วมประชุมกับสำนักงานข่าวกรองของเขา ทั้งนี้ ตนได้โทรคุยกับทางผบ.ทบ.และแม่ทัพภาค 4 แล้วว่า เราต้องมานั่งคิดกันใหม่ว่า เราต้องเปลี่ยนเป็นฝ่ายรุก ต่อไปต้องทำงานเป็นฝ่ายรุกตลอด ซึ่งจะรุกอย่างไรก็ต้องรอคุยกันก่อน
“ดังนั้นโดยสรุปใน 3 จังหวัดมีบางจังหวัดได้เปิดแล้วประมาณ 30 % บางจังหวัดก็เปิดเกิน 30 % ซึ่งก็ถือว่ายังน้อยอยู่สำหรับชาวไทยมุสลิม สำหรับจังหวัดที่ยังเปิดไม่มากคือยะลาและนราธิวาส ส่วนปัตตานีเปิดมากแล้ว โดยเฉพาะที่ เบตง เปิด 100 เปอร์เซ็นต์” รองนายกฯ กล่าว
พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เปิดสายด่วนอุ่นใจ 1890 หากประชาชนมีปัญหา หรือประสบเหตุสามารถแจ้งได้ เมื่อถามว่า ความจริงตัวที่จะชี้วัดว่าจะสามารถต่อสู้กับกลุ่มโจรได้หรือไม่คือการเปิด ร้านของชาวไทยมุสลิมไม่ใช่หรือ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ถูกต้อง แต่ขณะนี้ถือว่าสถานการณ์ดีขึ้นกว่าเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ความเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อการร้ายในพื้นที่เป็นอย่างไร พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มนี้เขาพยายามปล่อยข่าวว่า การให้หยุดวันศุกร์นั้นไม่ใช่เป็นการกระทำของเขา แต่กลับโยนว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ไทยเอง ที่ต้องการสร้างสถานการณ์ขึ้นมาเอง เพราะฉะนั้นเราก็ต้องไปทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่และประชาชนว่าเรื่องนี้ เป็นการสั่งการมาจากบางรัฐนอกประเทศ ใบปลิวข่มขู่ต่าง ๆ ก็ไม่ได้พิมพ์จาก 3 จังหวัดภาคใต้ แต่มาจากจังหวัดอื่น
อย่างไรก็ตามขณะนี้ชาวมุสลิมส่วนใหญ่มีความเข้าใจกับสถานการณ์ที่เกิด ขึ้นโดยเฉพาะหลังจากมีการแจกเอกสารของจุฬาราชมนตรีเกี่ยวกับหลักศาสนาของเขา ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ดังนั้นกลุ่มนี้จะบิดเบือนอย่างไรก็ไม่เป็นผล ตอนนี้ชาวบ้านแค่กลัวเท่านั้น ไม่แน่ใจว่าเจ้าหน้าที่จะคุ้มครองเขาได้ตลอดหรือไม่ และเขาจะถูกคุกคามด้วยความรุนแรงหรือไม่ ทั้งนี้ในแง่ของจิตวิทยาการเอาชนะด้วยความกลัวจะไม่ยั่งยืน ดังนั้นเราต้องพยายามจะทำให้ชาวบ้านมีความมั่นใจในความปลอดภัย และสุดท้ายเขาก็จะหันมาให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่มากขึ้น
รองนายกฯ กล่าวด้วยว่าสำหรับเหตุการณ์ลอบยิงที่เกิดขึ้นทุกวันในขณะนี้เป็นเพราะเขา ต้องการพยายามสร้างความกลัว เพื่อควบคุมประชาชน ซึ่งเราประเมินสิ่งที่กลุ่มก่อการร้ายทำความรุนแรงในขณะนี้คือ 1.เพื่อต้องการไล่ชาวพุทธออกจากพื้นที่ 2.เขาจะปกครองชาวมุสลิมด้วยความกลัวในพื้นที่ต่อไป เพราะฉะนั้นรัฐบาลจะต้องเข้าไปแก้ปัญหานี้ให้ได้ ต้องดูแลทั้งชาวพุทธและมุสลิมให้ทำมาหากินในพื้นที่ได้และมั่นใจในความ ปลอดภัย โดยขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทำงานอย่างเต็มที่ ส่วนการเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่นั้นยังอยู่ในแผนเตรียมการที่จะเพิ่มกำลังเจ้า หน้าที่ให้มากขึ้น โดยต้องการให้มีกำลังตำรวจเพิ่มอีก 5 พันคน กำลังทหารอีก 4 หมื่นคน และอาสาสมัครอีก 2,700 คนซึ่งมีอยู่ในแผนหมดแล้ว งบประมาณก็มีแล้วจะเรียบร้อยภายใน 6 เดือน ซึ่งทั้งหมดจะเน้นในเรื่องของความปลอดภัย
เมื่อถามว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติเมื่อไหร่ ที่ถูกข่มขู่หยุดขายวันศุกร์ รองนายกฯ กล่าวว่า เชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้นกว่าเดิมซึ่งเราคงต้องใช้เวลาบ้าง “เราจะพยายามทำให้สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติให้ได้ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้” อย่างไรก็ตามกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย ทางรมว.ต่างประเทศกำลังมีการประสานอยู่โดยเฉพาะเรื่องของคน 2 สัญชาติ ส่วนเรื่องการข่าวก็มีการแลกเปลี่ยนกันตลอด และประมาณต้นเดือนพฤศจิกายน จะให้ผอ.ข่าวกรองแห่งชาติของเราไปร่วมประชุมกับสำนักงานข่าวกรองของเขา ทั้งนี้ ตนได้โทรคุยกับทางผบ.ทบ.และแม่ทัพภาค 4 แล้วว่า เราต้องมานั่งคิดกันใหม่ว่า เราต้องเปลี่ยนเป็นฝ่ายรุก ต่อไปต้องทำงานเป็นฝ่ายรุกตลอด ซึ่งจะรุกอย่างไรก็ต้องรอคุยกันก่อน
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น