วันนี้ (18 ต.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) พระใบฎีกาเทียนชัย
สุภัทโท เจ้าอาวาสวัดแม่ตะไคร้ ต.ทาเหนือ อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่
ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
ขอให้ตรวจสอบพฤติกรรมนายสมพงษ์ กันภัย หรืออาจารย์หนู กันภัย
และบุคคลใกล้ชิด
เนื่องจากตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีความไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับเงินบริจาคของ
ประชาชนที่ได้ร่วมบริจาคเพื่อบูชาวัตถุมงคลต่างๆ
เพื่อนำเงินดังกล่าวไปสร้างหลวงปู่ทวดสูง 45 เมตร
องค์ใหญ่และสูงที่สุดในโลกของวัดแม่ตะไคร้
ที่ผ่านมามีการประชาสัมพันธ์เพื่อจำหน่ายวัตถุมงคลต่างๆ ได้แก่ เหรียญยันต์ 5 แถวหนุนดวง เหรียญดวงพระประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน และเหรียญพระพุทธเจ้าชนะมาร ผ่านทางช่องเคเบิ้ลทีวีหลายช่อง ตั้งแต่ปี 2551 ทำให้มีผู้สนใจร่วมบริจาคจำนวนมาก โดยรายได้ทั้งหมด วัดมอบให้อาจารย์หนูซึ่งเป็นประธานในการจัดสร้างเป็นผู้ดูแลโดยวัดไม่มี โอกาสเข้าไปรับรู้เรื่องรายได้
พระใบฎีกาเทียนชัย กล่าวต่อว่า ต่อมาพบความผิดปกติเพราะทราบว่ามีการนำเงินบริจาคที่รวบรวมได้นำไปซื้อ ที่ดินถวายวัด เป็นที่ธรณีสงฆ์ แล้วนำไปก่อสร้างอุทยานหลวงปู่ทวด แต่กลับใส่ชื่อ น.ส.อรวรรณ วิลาทอง ภรรยาอาจารย์หนู เป็นเจ้าของในโฉนดที่ดิน อ้างว่าจะโอนให้ภายหลัง แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่โอนคืนวัด อีกทั้งหลังการสร้างอุทยานหลวงปู่ทวดตั้งแต่ปี 2551 ถึงปัจจุบัน อาจารย์หนูนำเงินมาให้ทางวัดรวมประมาณ 15 ล้านบาทเท่านั้น ทำให้การก่อสร้างไม่คืบหน้าเท่าที่ควร สร้างได้แค่ฐานรากงานก็ต้องหยุดชะงัก ทั้งที่มีเงินบริจาคเข้ามาจำนวนมาก
จากการสอบถามผู้เกี่ยวข้อง คือนายภุชงค์ สิริธัญผล ประธานบริษัท โอมมหารวย จำกัด ผู้จัดทำรายการประชาสัมพันธ์ ทราบว่าบริษัทนำเงินที่จะนำไปสร้างหลวงปู่ทวดจ่ายให้อาจารย์หนูทุกเดือน อย่างต่อเนื่องคาดว่าจะเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
เจ้าอาวาสวัดแม่ตะไคร้ กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีพยานหลักฐานที่ค่อนข้างชัดเจนว่าอาจารย์หนูมีเจตนาหลอกลวงวัด และประชาชนที่ศรัทธา ด้วยการสร้างวัตถุมงคล แต่กลับนำรายได้จากการบูชาวัตถุมงคลเหล่านี้ไปจัดซื้อและสร้างอสังหาริม ทรัพย์ และสังหาริมทรัพย์หลายรายการ รวมถึงมีการขึ้นราคาค่าสักยันต์โดยอ้างจะนำเงินสมทบทุนสร้างหลวงปู่ทวดด้วย
จากการรวบรวมข้อมูลพบว่าเงินที่ได้จากความศรัทธาร่วมบูชาวัตถุมงคลมีไม่ ต่ำกว่า 300 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม วัดได้ร้องขอความร่วมมือไปยังคนสนิทของอาจารย์หนูเพื่อขอให้ช่วยสืบที่มาที่ ไปของเงิน ก็พบว่ามีการนำเงินจำนวนดังกล่าวไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ และสังหาริมทรัพย์หลายรายการ ทั้งรถยนต์ ประกันชีวิต ที่ดิน บ้านเดี่ยว แมนชั่น คอนโดมิเนียมหรูหลายแห่ง อาทิ บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ย่านปากเกร็ด จ.นนทบุรี มีการใส่ชื่อลูกชายเป็นเจ้าของ รถยนต์ 18 คันซึ่งซื้อด้วยเงินสดในชื่ออาจารย์หนู ภรรยา และญาติ รวมมูลค่ากว่า 25 ล้านบาท รีสอร์ตบ้านสวนอรรวินท์ การ์เด้นท์ จ.สระบุรี เนื้อที่ 32 ไร่ มีบ้านในรีสอร์ต 10 หลังพร้อมสระว่ายน้ำและคลับเฮ้าส์ มูลค่ากว่า 120 ล้านบาท พร้อมที่ดินข้างเคียงอีก 3 แปลง เป็นชื่อภรรยาอาจารย์หนู
พระใบฎีกาเทียนชัย กล่าวด้วยว่า จากหลักฐานที่พบเป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นที่รวบรวมได้ว่าอาจารย์หนูซื้อสิ่ง เหล่านี้มาด้วยเงินสด และจดทะเบียนชื่อนิติกรรมของตนเอง และคนใกล้ชิด ส่อเจตนาซ่อนเร้นเงินรายได้ที่ได้จากการบูชาวัตถุมงคลที่อ้างว่าจะนำมามอบ ให้วัดไปสร้างหลวงปู่ทวดสูง 45 เมตร ดังนั้น ขอให้เบื้องต้นขอให้ดีเอสไอส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบทรัพย์สินทั้งหมดของ อาจารย์หนู และคนใกล้ชิด เพื่อสืบหาข้อเท็จจริงที่มาของทรัพย์สินจำนวนมหาศาลว่ามีที่มาถูกต้องหรือ ไม่
ด้านนายธาริต ที่มารับหนังสือร้องเรียนด้วยตนเอง กล่าวว่า เบื้องต้นนั้นได้รับหนังสือไว้แล้ว และจะได้เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยเร็ว ต้องให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ และประสานข้อมูลกับเจ้าอาวาสวัดแม่ตะไคร้ เพื่อตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง
ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 95/5 หมู่บ้านพูลศรี หมู่ 1 ต.บางขะแยง อ.เมือง จ.ปทุมธานี บ้านของอาจารย์หนู กันภัย เพื่อสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น อาจารย์หนูเปิดเผยว่า ไม่คิดว่าพระใบฎีกาเทียนชัยจะมาทำเรื่องแบบนี้ เพราะที่ผ่านมา ตนทำแต่คุณงามความดี ช่วยเหลือบูรณะปฏิสังขรณ์พุทธศาสนามาโดยตลอด การที่พระใบฎีกาเทียนชัยมาร้องเรียนครั้งนี้ถือเป็นสิทธิของท่าน แต่สิ่งที่ตนทำอยู่ทุกวันนี้ก็เป็นสิ่งถูกต้องเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสร้างหลวงปู่ทวด ที่วัดแม่ตะไคร้ ได้จ่ายเงินไปแล้วครบทุกบาททุกสตางค์ มีหนังสือยืนยันจากช่าง แม้โรงหล่อก็รับเงินไปเรียบร้อยแล้วเช่นกัน จึงไม่ทราบว่าพระใบฎีกาเทียนชัยจะมาร้องเรียนเพื่ออะไร
สำหรับเรื่องเงินที่กล่าวหาว่าใช้ชื่อวัดแม่ตะไคร้หาเงินนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะก่อนที่พระใบฎีกาเทียนชัยจะมาสักยันต์กับตน วัดแม่ตะไคร้ และพระใบฎีกาเทียนชัยแทบจะไม่มีผู้ใดรู้จักเลย แต่พอไม่นาน ตนได้อุทิศภาวนาไว้ว่าจะสร้างหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่สุดเพื่อไว้ให้ประชาชน ทั่วสารทิศได้มากราบไหว้บูชา พระใบฎีกาเทียนชัยจึงขอให้มาสร้างที่วัดแห่งนี้ ตนและคณะกรรมการจึงลงความเห็นว่าจะสร้าง โดยจะหาเงินด้วยการสักยันต์ และให้เช่าวัตถุมงคลตามแต่กำลังจะหาได้
อาจารย์หนู กล่าวต่อว่า เมื่อเริ่มสร้าง ได้จ่ายเงินให้กับพระใบฎีกาเทียนชัยไปแล้วหลายล้านบาท แต่ช่างหล่อพระก็มาทวงว่ายังไม่ได้รับเงิน ตนจึงสอบถามทางวัดก็ได้รับคำตอบไม่ชัดเจนนัก จึงตัดสินใจนำเงินที่สร้างหลวงปู่ทวดไปจ่ายให้กับทางช่างหล่อพระด้วยตนเอง ครบทุกบาททุกสตางค์ พร้อมกับมีหนังสือใบเสร็จรับเงินด้วย เรื่องทั้งหมด ตนอาจจะไม่เข้าใจอะไรบางอย่าง หรือพระใบฎีกาเทียนชัย คงจะเข้าใจผิดที่คิดว่าเงินที่อาจารย์สักยันต์นั้นจะต้องไปให้ทางวัดทั้งหมด คงไม่ถูกต้อง ซึ่งที่ผ่านมามีแต่เมตตา ช่วยเหลือทุกคนแม้แต่บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายที่ได้รับความเดือดร้อน จึงไม่คิดว่าสิ่งที่เราสร้างจะมาทำลายเราเอง.
ที่ผ่านมามีการประชาสัมพันธ์เพื่อจำหน่ายวัตถุมงคลต่างๆ ได้แก่ เหรียญยันต์ 5 แถวหนุนดวง เหรียญดวงพระประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน และเหรียญพระพุทธเจ้าชนะมาร ผ่านทางช่องเคเบิ้ลทีวีหลายช่อง ตั้งแต่ปี 2551 ทำให้มีผู้สนใจร่วมบริจาคจำนวนมาก โดยรายได้ทั้งหมด วัดมอบให้อาจารย์หนูซึ่งเป็นประธานในการจัดสร้างเป็นผู้ดูแลโดยวัดไม่มี โอกาสเข้าไปรับรู้เรื่องรายได้
พระใบฎีกาเทียนชัย กล่าวต่อว่า ต่อมาพบความผิดปกติเพราะทราบว่ามีการนำเงินบริจาคที่รวบรวมได้นำไปซื้อ ที่ดินถวายวัด เป็นที่ธรณีสงฆ์ แล้วนำไปก่อสร้างอุทยานหลวงปู่ทวด แต่กลับใส่ชื่อ น.ส.อรวรรณ วิลาทอง ภรรยาอาจารย์หนู เป็นเจ้าของในโฉนดที่ดิน อ้างว่าจะโอนให้ภายหลัง แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่โอนคืนวัด อีกทั้งหลังการสร้างอุทยานหลวงปู่ทวดตั้งแต่ปี 2551 ถึงปัจจุบัน อาจารย์หนูนำเงินมาให้ทางวัดรวมประมาณ 15 ล้านบาทเท่านั้น ทำให้การก่อสร้างไม่คืบหน้าเท่าที่ควร สร้างได้แค่ฐานรากงานก็ต้องหยุดชะงัก ทั้งที่มีเงินบริจาคเข้ามาจำนวนมาก
จากการสอบถามผู้เกี่ยวข้อง คือนายภุชงค์ สิริธัญผล ประธานบริษัท โอมมหารวย จำกัด ผู้จัดทำรายการประชาสัมพันธ์ ทราบว่าบริษัทนำเงินที่จะนำไปสร้างหลวงปู่ทวดจ่ายให้อาจารย์หนูทุกเดือน อย่างต่อเนื่องคาดว่าจะเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
เจ้าอาวาสวัดแม่ตะไคร้ กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีพยานหลักฐานที่ค่อนข้างชัดเจนว่าอาจารย์หนูมีเจตนาหลอกลวงวัด และประชาชนที่ศรัทธา ด้วยการสร้างวัตถุมงคล แต่กลับนำรายได้จากการบูชาวัตถุมงคลเหล่านี้ไปจัดซื้อและสร้างอสังหาริม ทรัพย์ และสังหาริมทรัพย์หลายรายการ รวมถึงมีการขึ้นราคาค่าสักยันต์โดยอ้างจะนำเงินสมทบทุนสร้างหลวงปู่ทวดด้วย
จากการรวบรวมข้อมูลพบว่าเงินที่ได้จากความศรัทธาร่วมบูชาวัตถุมงคลมีไม่ ต่ำกว่า 300 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม วัดได้ร้องขอความร่วมมือไปยังคนสนิทของอาจารย์หนูเพื่อขอให้ช่วยสืบที่มาที่ ไปของเงิน ก็พบว่ามีการนำเงินจำนวนดังกล่าวไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ และสังหาริมทรัพย์หลายรายการ ทั้งรถยนต์ ประกันชีวิต ที่ดิน บ้านเดี่ยว แมนชั่น คอนโดมิเนียมหรูหลายแห่ง อาทิ บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ย่านปากเกร็ด จ.นนทบุรี มีการใส่ชื่อลูกชายเป็นเจ้าของ รถยนต์ 18 คันซึ่งซื้อด้วยเงินสดในชื่ออาจารย์หนู ภรรยา และญาติ รวมมูลค่ากว่า 25 ล้านบาท รีสอร์ตบ้านสวนอรรวินท์ การ์เด้นท์ จ.สระบุรี เนื้อที่ 32 ไร่ มีบ้านในรีสอร์ต 10 หลังพร้อมสระว่ายน้ำและคลับเฮ้าส์ มูลค่ากว่า 120 ล้านบาท พร้อมที่ดินข้างเคียงอีก 3 แปลง เป็นชื่อภรรยาอาจารย์หนู
พระใบฎีกาเทียนชัย กล่าวด้วยว่า จากหลักฐานที่พบเป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นที่รวบรวมได้ว่าอาจารย์หนูซื้อสิ่ง เหล่านี้มาด้วยเงินสด และจดทะเบียนชื่อนิติกรรมของตนเอง และคนใกล้ชิด ส่อเจตนาซ่อนเร้นเงินรายได้ที่ได้จากการบูชาวัตถุมงคลที่อ้างว่าจะนำมามอบ ให้วัดไปสร้างหลวงปู่ทวดสูง 45 เมตร ดังนั้น ขอให้เบื้องต้นขอให้ดีเอสไอส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบทรัพย์สินทั้งหมดของ อาจารย์หนู และคนใกล้ชิด เพื่อสืบหาข้อเท็จจริงที่มาของทรัพย์สินจำนวนมหาศาลว่ามีที่มาถูกต้องหรือ ไม่
ด้านนายธาริต ที่มารับหนังสือร้องเรียนด้วยตนเอง กล่าวว่า เบื้องต้นนั้นได้รับหนังสือไว้แล้ว และจะได้เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยเร็ว ต้องให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ และประสานข้อมูลกับเจ้าอาวาสวัดแม่ตะไคร้ เพื่อตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง
ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 95/5 หมู่บ้านพูลศรี หมู่ 1 ต.บางขะแยง อ.เมือง จ.ปทุมธานี บ้านของอาจารย์หนู กันภัย เพื่อสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น อาจารย์หนูเปิดเผยว่า ไม่คิดว่าพระใบฎีกาเทียนชัยจะมาทำเรื่องแบบนี้ เพราะที่ผ่านมา ตนทำแต่คุณงามความดี ช่วยเหลือบูรณะปฏิสังขรณ์พุทธศาสนามาโดยตลอด การที่พระใบฎีกาเทียนชัยมาร้องเรียนครั้งนี้ถือเป็นสิทธิของท่าน แต่สิ่งที่ตนทำอยู่ทุกวันนี้ก็เป็นสิ่งถูกต้องเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสร้างหลวงปู่ทวด ที่วัดแม่ตะไคร้ ได้จ่ายเงินไปแล้วครบทุกบาททุกสตางค์ มีหนังสือยืนยันจากช่าง แม้โรงหล่อก็รับเงินไปเรียบร้อยแล้วเช่นกัน จึงไม่ทราบว่าพระใบฎีกาเทียนชัยจะมาร้องเรียนเพื่ออะไร
สำหรับเรื่องเงินที่กล่าวหาว่าใช้ชื่อวัดแม่ตะไคร้หาเงินนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะก่อนที่พระใบฎีกาเทียนชัยจะมาสักยันต์กับตน วัดแม่ตะไคร้ และพระใบฎีกาเทียนชัยแทบจะไม่มีผู้ใดรู้จักเลย แต่พอไม่นาน ตนได้อุทิศภาวนาไว้ว่าจะสร้างหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่สุดเพื่อไว้ให้ประชาชน ทั่วสารทิศได้มากราบไหว้บูชา พระใบฎีกาเทียนชัยจึงขอให้มาสร้างที่วัดแห่งนี้ ตนและคณะกรรมการจึงลงความเห็นว่าจะสร้าง โดยจะหาเงินด้วยการสักยันต์ และให้เช่าวัตถุมงคลตามแต่กำลังจะหาได้
อาจารย์หนู กล่าวต่อว่า เมื่อเริ่มสร้าง ได้จ่ายเงินให้กับพระใบฎีกาเทียนชัยไปแล้วหลายล้านบาท แต่ช่างหล่อพระก็มาทวงว่ายังไม่ได้รับเงิน ตนจึงสอบถามทางวัดก็ได้รับคำตอบไม่ชัดเจนนัก จึงตัดสินใจนำเงินที่สร้างหลวงปู่ทวดไปจ่ายให้กับทางช่างหล่อพระด้วยตนเอง ครบทุกบาททุกสตางค์ พร้อมกับมีหนังสือใบเสร็จรับเงินด้วย เรื่องทั้งหมด ตนอาจจะไม่เข้าใจอะไรบางอย่าง หรือพระใบฎีกาเทียนชัย คงจะเข้าใจผิดที่คิดว่าเงินที่อาจารย์สักยันต์นั้นจะต้องไปให้ทางวัดทั้งหมด คงไม่ถูกต้อง ซึ่งที่ผ่านมามีแต่เมตตา ช่วยเหลือทุกคนแม้แต่บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายที่ได้รับความเดือดร้อน จึงไม่คิดว่าสิ่งที่เราสร้างจะมาทำลายเราเอง.
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น