วันนี้(30มิ.ย.)ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยเอ็นบีที นายธีรัตน์
รัตนเสวี เป็นพิธีกรดำเนินรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน
โดยช่วงแรกเป็นการพูดคุยมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด มีแขกรับเชิญ 3
คนประกอบด้วย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายก พ.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รอง
ผบ.ตร.และเลขาธิการคณะกรรมก้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ
(ปปส.)เข้าร่วม
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้มีนโยบายปราบปรามยาเสพติดที่ชัดเจน เช่นมาตรการปิดกั้นตามแนวตะเข็บชายแดน สกัดสารตั้งต้น รณรงค์ป้องกัน รวมไปถึงการใช้กฎหมายตามหลักนิติรัฐและนิติธรรมปราบปรามอย่างเคร่งครัด ยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่พบแหล่งผลิตยาเสพรายใหญ่ในประเทศ สถานการณ์เฝ้าระวังสูงสุดที่ 8 จังหวัดภาคเหนือ และเฝ้าระวัง 3 จังหวัดคือ เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ซึ่งเร็วๆนี้รองนายกฯของสาธารณรัฐปราชาชนจีน ซึ่งรับผิดชอบด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะเดินทางมาเยือนไทย จะมีการขอร้องให้ประสานประเทศเพื่อนบ้านเพื่อให้สกัดกั้นยาเสพติดตามชายแดน ด้วย จากนั้นจะมีการเพิ่มความเข้มงวดที่จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และพื้นที่เสี่ยงอื่น เช่น กรุงเทพฯและปริมณฑล
“ยืนยันรัฐบาลนี้เอาจริงเอาจัง ในรอบ 10 เดือนที่ผ่านมาสามารถจับกุมยาบ้าได้แล้วกว่า 57 ล้านเม็ด เฮโรอีน 215 กก. ยาไอซ์ 1,132 กก. กัญชา 11,456 กก. และโคเคน 20 กก. และสามารถชวนผู้เสพเข้าบำบัดได้กว่า 500,000 คน ทั้งนี้ตั้งเป้าว่า ปีหน้าจะบำบัดให้ได้เพิ่มอีก 300,000 คน เมื่อมียอดบำบัดเกิน 7 แสนคนแล้ว จะเริ่มใช้มาตรการตรวจสอบไม่ให้มีการกลับมาเสพซ้ำอย่างเข้มข้นยิ่งขึ้น และปีหน้าจะหารือร่วมกับประเทศแหล่งต้นทางการผลิตยาเสพติด เพื่อขอความร่วมมือการบรรเทาปัญหาที่เกิดขึ้น และจะแจ้งเบาะแสต่อองค์การสหประชาชาติ ให้ดำเนินการเพื่อช่วยผู้ที่ตกเป็นทาสยาเสพติด เดินหน้าจะเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อหาทางสกัดกั้น และกำลังหาเกาะเหมาะๆเพื่อตั้งเป็นเรือนจำตัดขาดการโทรศัพท์ เรื่องนี้กำลังดูอยู่ ฝากเตือนไปยังผู้ค้า เมื่อระแวงกันเองเดี๋ยวก็ยิงกันอีก”ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวต่อว่า รอบ 10 เดือนที่ผ่านมาไม่พบมีเจ้าหน้าที่รัฐชั้นผู้ใหญ่เข้าไปเกี่ยวข้อง แต่อาจมีเล็กๆบ้างที่ทำอเรื่องยาเสพติดถือเป็นเรื่องจำเป็น รัฐบาลต้องเดินหน้าดำเนินการกับทุกกลุ่มเด็ดขาด
“กำลังร่างกฎหมายใหม่ 2 ฉบับ ได้แก่ การให้ผู้ติดที่สมัครใจเข้ารับการบำบัด ไม่ต้องถูกดำเนินคดี และมาตรการเร่งรัดในการตัดสินคดีให้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยให้การประหารผู้ค้ายา จะลดวันรอประหารจาก 60 วัน เหลือแค่ 15 วัน เพื่อให้การปราบปรามดำเนินการอย่างได้ผลเต็มที่”ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
ด้านพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับ ปปส.ในการดำเนินการประสานแลกเปลี่ยนข้อมูล สืบสวนจับกุมรายย่อยพร้อมจับเครือข่ายรายใหญ่ และมีการตั้งกองบังคับการสกัดกั้น ทำงานพร้อมกล้องวงจรปิด“ซีซีทีวี” โดยใช้รถกระบะ 100 คันในภารกิจนี้ และที่ผ่านมาได้ตั้งโครงการ D.A.R.E. หรือโครงการแดร์ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปให้ความรู้เรื่องยาเสพติดซึ่งประสบผลสำเร็จพอ สมควร
ด้านพล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า มีแผนกานปราบปรามระดับชุมชนที่มี ชุมชนเข้าร่วมแล้วกว่า 5 หมื่นหมู่บ้าน และมีการร้องเรียนพบซ้ำ กว่า 3,900 หมู่บ้าน โครงการนี้ได้รับความร่วมมือจาก กระทรวงมหาดไทยด้วย การปราบปรามยาเสพติดต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย และที่ผ่านมาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้พระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ผ่านกระทรวงมหาดไทยเป็นทุนในการปราบปรามยา เสพติดระดับหมู่บ้านด้วย
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้มีนโยบายปราบปรามยาเสพติดที่ชัดเจน เช่นมาตรการปิดกั้นตามแนวตะเข็บชายแดน สกัดสารตั้งต้น รณรงค์ป้องกัน รวมไปถึงการใช้กฎหมายตามหลักนิติรัฐและนิติธรรมปราบปรามอย่างเคร่งครัด ยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่พบแหล่งผลิตยาเสพรายใหญ่ในประเทศ สถานการณ์เฝ้าระวังสูงสุดที่ 8 จังหวัดภาคเหนือ และเฝ้าระวัง 3 จังหวัดคือ เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ซึ่งเร็วๆนี้รองนายกฯของสาธารณรัฐปราชาชนจีน ซึ่งรับผิดชอบด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะเดินทางมาเยือนไทย จะมีการขอร้องให้ประสานประเทศเพื่อนบ้านเพื่อให้สกัดกั้นยาเสพติดตามชายแดน ด้วย จากนั้นจะมีการเพิ่มความเข้มงวดที่จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และพื้นที่เสี่ยงอื่น เช่น กรุงเทพฯและปริมณฑล
“ยืนยันรัฐบาลนี้เอาจริงเอาจัง ในรอบ 10 เดือนที่ผ่านมาสามารถจับกุมยาบ้าได้แล้วกว่า 57 ล้านเม็ด เฮโรอีน 215 กก. ยาไอซ์ 1,132 กก. กัญชา 11,456 กก. และโคเคน 20 กก. และสามารถชวนผู้เสพเข้าบำบัดได้กว่า 500,000 คน ทั้งนี้ตั้งเป้าว่า ปีหน้าจะบำบัดให้ได้เพิ่มอีก 300,000 คน เมื่อมียอดบำบัดเกิน 7 แสนคนแล้ว จะเริ่มใช้มาตรการตรวจสอบไม่ให้มีการกลับมาเสพซ้ำอย่างเข้มข้นยิ่งขึ้น และปีหน้าจะหารือร่วมกับประเทศแหล่งต้นทางการผลิตยาเสพติด เพื่อขอความร่วมมือการบรรเทาปัญหาที่เกิดขึ้น และจะแจ้งเบาะแสต่อองค์การสหประชาชาติ ให้ดำเนินการเพื่อช่วยผู้ที่ตกเป็นทาสยาเสพติด เดินหน้าจะเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อหาทางสกัดกั้น และกำลังหาเกาะเหมาะๆเพื่อตั้งเป็นเรือนจำตัดขาดการโทรศัพท์ เรื่องนี้กำลังดูอยู่ ฝากเตือนไปยังผู้ค้า เมื่อระแวงกันเองเดี๋ยวก็ยิงกันอีก”ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวต่อว่า รอบ 10 เดือนที่ผ่านมาไม่พบมีเจ้าหน้าที่รัฐชั้นผู้ใหญ่เข้าไปเกี่ยวข้อง แต่อาจมีเล็กๆบ้างที่ทำอเรื่องยาเสพติดถือเป็นเรื่องจำเป็น รัฐบาลต้องเดินหน้าดำเนินการกับทุกกลุ่มเด็ดขาด
“กำลังร่างกฎหมายใหม่ 2 ฉบับ ได้แก่ การให้ผู้ติดที่สมัครใจเข้ารับการบำบัด ไม่ต้องถูกดำเนินคดี และมาตรการเร่งรัดในการตัดสินคดีให้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยให้การประหารผู้ค้ายา จะลดวันรอประหารจาก 60 วัน เหลือแค่ 15 วัน เพื่อให้การปราบปรามดำเนินการอย่างได้ผลเต็มที่”ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
ด้านพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับ ปปส.ในการดำเนินการประสานแลกเปลี่ยนข้อมูล สืบสวนจับกุมรายย่อยพร้อมจับเครือข่ายรายใหญ่ และมีการตั้งกองบังคับการสกัดกั้น ทำงานพร้อมกล้องวงจรปิด“ซีซีทีวี” โดยใช้รถกระบะ 100 คันในภารกิจนี้ และที่ผ่านมาได้ตั้งโครงการ D.A.R.E. หรือโครงการแดร์ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปให้ความรู้เรื่องยาเสพติดซึ่งประสบผลสำเร็จพอ สมควร
ด้านพล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า มีแผนกานปราบปรามระดับชุมชนที่มี ชุมชนเข้าร่วมแล้วกว่า 5 หมื่นหมู่บ้าน และมีการร้องเรียนพบซ้ำ กว่า 3,900 หมู่บ้าน โครงการนี้ได้รับความร่วมมือจาก กระทรวงมหาดไทยด้วย การปราบปรามยาเสพติดต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย และที่ผ่านมาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้พระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ผ่านกระทรวงมหาดไทยเป็นทุนในการปราบปรามยา เสพติดระดับหมู่บ้านด้วย
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น