วันนี้ (21 มิ.ย.) ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล
รมว.ต่างประเทศ กล่าวก่อนการเป็นประธานการประชุมร่วมกับคณะนักธุรกิจ
เพื่อเตรียมการร่วมคณะของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
เยือนประเทศเยอรมนีและฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 17-21 ก.ค.นี้ ว่า
การที่นายกรัฐมนตรีเยือนประเทศเยอรมนีและฝรั่งเศสครั้งนี้
ถือเป็นการเยือนประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป(อียู)ครั้งแรกของรัฐบาลของน.ส.ยิ่ง
ลักษณ์ และทั้ง 2
ประเทศนี้ให้ความสำคัญกับการเยือนของผู้นำของไทยที่เป็นสตรี อย่างไรก็ตาม
ในวันนี้(21 มิ.ย.) ตนเชิญภาคธุรกิจด้านอาหาร การเกษตร การแพทย์ การศึกษา
ชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมสิ่งทอ เครื่องประดับและอัญมณี พลังงาน
และเทคโนโลยีชีวภาพ
มาร่วมพูดคุยถึงปัญหาอุปสรรคและข้อมูลในเรื่องที่เราจะนำคณะนักธุรกิจเหล่า
นี้ไปหารือกับภาคเอกชนของเยอรมนีและฝรั่งเศส
รมว.ต่างประเทศ กล่าวอีกว่า ประเทศเยอรมนีเป็นประเทศคู่ค้าอันดับ 1 ของไทยในส่วนของอียู และเป็นประเทศที่มีความสามารถด้านการช่าง ซึ่งการเดินทางไปครั้งนี้เราจะได้ไปเรียนรู้เรื่องดังกล่าวจากเยอรมนี และนายกรัฐมนตรี จะไปเยี่ยมชมหมู่บ้านที่ใช้พลังงานทดแทนและพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งเมื่อมีปริมาณไฟฟ้าสะสมเหลือไว้ก็จะถูกนำไปขายให้กับการไฟฟ้าของทางการ เยอรมัน อีกทั้ง นายกรัฐมนตรียังให้ความสำคัญเรื่องเทคโนโลยีสีเขียว จึงจะไปดูงานเรื่องการใช้พืชผลิตเป็นพลาสติกชีวภาพที่ย่อยสลายได้ง่าย ซึ่งนายกรัฐมนตรีจึงอยากให้มีการริเริ่มเรื่องนี้ขึ้นในประเทศ
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ส่วนการเยือนประเทศฝรั่งเศสที่เป็นประเทศคู่ค้าอันดับ 4 ของไทยในส่วนของอียู นายกรัฐมนตรีและคณะจะไปดูงานด้านแฟชั่น เครื่องแต่งกาย และเครื่องประดับ นอกจากนี้ จากการที่อียูประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจและการเงิน เราจึงได้เชิญผู้เชี่ยาญด้านเศรษฐกิจและการเงินของอียู มาบรรยายที่ฝรั่งเศส เพื่อให้นักธุรกิจของไทยได้รับทราบถึงสถานการณ์ดังกล่าว รวมถึงผลกระทบต่อระบบการเงิน การค้าและการส่งออกของอียู ขณะเดียวกัน อียูมีความสนใจที่จะลงทุนในกลุ่มประเทศอาเซียนมากขึ้น และต้องการนำสินค้าเข้ามาขายในภูมิภาคนี้มากขึ้นเช่นกัน เพราะประชาชนในภูมิภาคนี้มีกำลังซื้อสูง ดังนั้น รัฐมนตรีในกลุ่มอียูจะมาร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ในวันที่ 6-13 ก.ค.นี้ ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา อย่างไรก็ตาม ระหว่างการเยือนทั้ง 2 ประเทศนี้ จะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจ(เอ็มโอยู)ในหลายๆด้านด้วย
รมว.ต่างประเทศ กล่าวอีกว่า ประเทศเยอรมนีเป็นประเทศคู่ค้าอันดับ 1 ของไทยในส่วนของอียู และเป็นประเทศที่มีความสามารถด้านการช่าง ซึ่งการเดินทางไปครั้งนี้เราจะได้ไปเรียนรู้เรื่องดังกล่าวจากเยอรมนี และนายกรัฐมนตรี จะไปเยี่ยมชมหมู่บ้านที่ใช้พลังงานทดแทนและพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งเมื่อมีปริมาณไฟฟ้าสะสมเหลือไว้ก็จะถูกนำไปขายให้กับการไฟฟ้าของทางการ เยอรมัน อีกทั้ง นายกรัฐมนตรียังให้ความสำคัญเรื่องเทคโนโลยีสีเขียว จึงจะไปดูงานเรื่องการใช้พืชผลิตเป็นพลาสติกชีวภาพที่ย่อยสลายได้ง่าย ซึ่งนายกรัฐมนตรีจึงอยากให้มีการริเริ่มเรื่องนี้ขึ้นในประเทศ
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ส่วนการเยือนประเทศฝรั่งเศสที่เป็นประเทศคู่ค้าอันดับ 4 ของไทยในส่วนของอียู นายกรัฐมนตรีและคณะจะไปดูงานด้านแฟชั่น เครื่องแต่งกาย และเครื่องประดับ นอกจากนี้ จากการที่อียูประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจและการเงิน เราจึงได้เชิญผู้เชี่ยาญด้านเศรษฐกิจและการเงินของอียู มาบรรยายที่ฝรั่งเศส เพื่อให้นักธุรกิจของไทยได้รับทราบถึงสถานการณ์ดังกล่าว รวมถึงผลกระทบต่อระบบการเงิน การค้าและการส่งออกของอียู ขณะเดียวกัน อียูมีความสนใจที่จะลงทุนในกลุ่มประเทศอาเซียนมากขึ้น และต้องการนำสินค้าเข้ามาขายในภูมิภาคนี้มากขึ้นเช่นกัน เพราะประชาชนในภูมิภาคนี้มีกำลังซื้อสูง ดังนั้น รัฐมนตรีในกลุ่มอียูจะมาร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ในวันที่ 6-13 ก.ค.นี้ ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา อย่างไรก็ตาม ระหว่างการเยือนทั้ง 2 ประเทศนี้ จะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจ(เอ็มโอยู)ในหลายๆด้านด้วย
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น