3 กระทรวงเศรษฐกิจ ยันราคาสินค้าภาพรวมลดลง

3 กระทรวง ที่ดูแลด้านเศรษฐกิจ ชี้แก้ปัญหาของแพงถูกทาง ยันราคาสินค้าส่วนใหญ่มีแนวโน้มลดลง อาหารสดถูกลงเกือบ 50%

เมื่อเวลา 08.20 น. วันนี้ ( 24 มี.ค.) นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ กล่าวในรายการ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน” ทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย(ช่อง 11) ถึงการแก้ปัญหาสินค้าราคาแพง ว่า ถ้าเราดูราคาน้ำมันทั่วโลกในปี 54 พบว่าอยู่ที่ 110 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนปีนี้ 115 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะเดียวกัน ราคาเนื้อหมูปีที่แล้วอยู่ที่ 115 บาทต่อกก. แต่ปีนี้เหลือเพียง 100 บาทต่อกก.รวมถึงน้ำมันปาล์มซึ่งปีที่แล้วมีราคาลิตรละ 47 บาท แต่ปีนี้อยู่ที่ 42 บาท ราคาน้ำมันปาล์มดิบในโลกปีที่แล้ว 50 บาท ปีลดลงเหลือ 32 บาท และปีนี้รัฐบาลยังไม่ได้ใช้เม็ดเงินใดๆในการทำให้น้ำมันปาล์มราคาต่ำ แสดงให้เห็นว่า ข้อเท็จจริงกับสิ่งที่ถูกกล่าวหาแตกต่างกัน สินค้าส่วนใหญ่ มีแนวโน้มลงหมด สำหรับอาหารสำเร็จรูปนั้น เราได้กำหนดราคาแนะนำ 10 เมนู เมื่อวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยราคาข้าวแกง 1 ชนิด จานละ 20 - 25 บาท สูงสุดไม่เกิน 30 บาท พร้อมกับนำราคาแนะนำไปกระจายให้ร้านอาหารต่างๆ ประมาณ 4,000 แห่งทั่วประเทศ ในกรุงเทพมหานครและปริมาณฑล แต่อาจจะยังไม่ครอบคลุมครบทุกจุด

นายบุญทรง กล่าวอีกว่า ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ใช้เครื่องมือที่จะลงไปดำเนินการในเรื่องต่างๆ ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่สามารถควบคุมราคาให้อยู่ในอัตราที่เหมาะสมได้ เราไม่ต้องการไปแทรกแซงราคาแต่ต้องการให้ประชาชนได้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวันในราคาที่เป็นธรรม เรามีสินค้าควบคุม 42 รายการ และยังติดตามดูแลสินค้าอีก 205 รายการ ติดตามตรวจสอบราคาสินค้าไม่ให้เคลื่อนไหวผิดปกติ และขาดตลาด  พร้อมทั้งเปิดให้มีอาสาสมัครที่เรียกว่า “อาสาพาณิชย์”สอดส่องดูแล ลงไปดูในพื้นที่และส่งข้อมูลกลับเข้ามาที่กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งหากพบว่ามีการขึ้นราคาหรือแอบขึ้นราคา ให้ดำเนินการขั้นเด็ดขาดในทันที ส่วนโครงการ“โชห่วยช่วยชาติ” ไม่ได้เป็นการทำแข่งขันกับร้านสะดวกซื้อ แต่เป็นทางเลือกอีกอย่างหนึ่งให้กับประชาชน โดยจะเน้นสินค้าอุปโภคบริโภค ทั้งนี้เราจะเชิญร้านโชห่วยให้มาร่วมโครงการตามความสมัครใจ ซึ่งการประกาศรับสมัครจะเริ่มในวันที่ 1 เม.ย.นี้

ด้าน ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัฒน์ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า  อัตราเงินเฟ้อร้อยละ 2 และ 3 เป็นเรื่องดี อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ทำให้มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การเพิ่มค่าแรงก็เป็นการเพิ่มอำนาจการซื้อ ลักษณะอย่างนี้เป็นการกระตุ้นให้เศรษฐกิจของไทยโตขึ้น  การช่วยเหลือผู้ประกอบการก็คือช่วยเหลือประชาชน ถ้าผลิตของในต้นทุนที่ต่ำลง ผู้รับประโยชน์ก็คือผู้บริโภคนั่นเอง และอีกเรื่องคือค่าแรงงาน เริ่มมีการพูดว่าค่าแรงงาน 300 บาทจะอยู่ได้หรือไม่ ถ้าดูที่ผ่านมาอุตสาหกรรมอาหารต้นทุนค่าแรงงานอยู่ที่ร้อยละ 4.6 จากในอดีตที่อยู่ร้อยละ 5 แต่การพัฒนาประสิทธิภาพแรงงานดีขึ้น เราเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมาตลอด ซึ่งจะช่วยให้อุตสาหกรรมหลักๆลดต้นทุนได้ เวลาเรามององค์ประกอบในเรื่องการผลิต เราจะมององค์ประกอบที่เป็นต้นทุน คือ วัตถุดิบ ค่าใช้จ่ายในการบริหาร และแรงงาน จากตัวเองที่สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหรรมทำมา ต้นทุนการผลิตเปรียบเทียบย้อนหลัง ต้นทุนการผลิตเพิ่มน้อยกว่าร้อยละ 1 สอดคล้องกับการที่ รมว.พาณิชย์ ระบุว่าราคาอาหารหลัก เช่น เนื้อ ไข่ ลดลง สอดคล้องกับต้นทุนการผลิตที่ไม่ได้เพิ่มมากขึ้น จากตัวเลขย้อนหลัง 3 ปี ผู้ประกอบการไทยพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตสูงขึ้น ทั้งด้านอาหาร ยานยนต์ เครื่องนุ่งห่ม เครื่องใช้ไฟฟ้า การเพิ่มประสิทธิภาพก็คือการทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง มากหรือน้อยแตกต่างกันไป ในบางอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานมาก เช่น เครื่องนุ่งห่ม เฟอร์นิเจอร์ ค่าแรงที่จะใช้ในการผลิตสูง ก็ต้องไปปรับเรื่อง เทคโนโลยี การเคลื่อนไหวของคนงาน เมื่อทำให้ดีขึ้น ผลที่ได้ก็จะทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำลง จากการวิจัยพบว่าสิ่งที่ทำให้ต้นทุนลดลงได้คือ หยิบของที่ใช้ให้ใกล้มือ ก็จะทำงานให้สะดวกมากขึ้น คนงานเหนื่อยน้อยกว่าเดิม ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตได้ก็จะดีขึ้นกว่าเดิมด้วย.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th  

This entry was posted in News