วันที่ (21 ธ.ค.) ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นประธานกล่าวเปิดงานสัมมนาเรื่อง สถาบันชาติ
ศาสนา พระมหากษัตริย์ กับความมั่นคงของประเทศ มีใจความตอนหนึ่งว่า
ขอชื่นชมคณะทำงานการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสภายุวพุทธิสมาคมแห่งชาติในพระบรม
ราชูปถัมภ์ ที่ได้ร่วมจัดสัมมนาขึ้นมา
โดยเลือกหัวข้อการสัมมนาได้เหมาะสมกับห้วงเวลาและสถานการณ์ปัจจุบันของชาติ
บ้านเมืองของเรามาก สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
เป็นสถาบันหลักและสำคัญของประเทศเรา คนไทยยึดมั่น ถือมั่น
และแน่วแน่ต่อสถาบันทั้งสามมาแต่โบราณ
ทำให้ประเทศอันเป็นที่รักของเราดำรงเอกราชอยู่ได้ตราบทุกวันนี้
คนไทยต่างรักและกลมเกลียวกันอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุขตลอดมา
พล.อ.เปรม กล่าวต่อว่า ปัจจุบันมีองค์กรต่างๆให้ความสนใจต่อสถาบันทั้งสามมาก และนำไปถกแถลงในวงกว้าง พูดถึงสถาบันในแง่มุมต่างๆตามที่ตนมีความเห็น มีเหตุผลทำนองเดียวกับผู้ที่มีเกียรติจะทำกันในวันนี้ ทั้งนี้ความเห็นส่วนตัวตนสนับสนุนการสัมมนาของทุกกลุ่ม เพราะเห็นว่าการสัมมนามีประโยชน์และจะจบลงโดยมีข้อสรุป ข้อเสนอที่เป็นรูปธรรม ซึ่งจะนำไปประยุกต์ใช้ได้ แต่การสัมมนาจะได้ประโยชน์มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับหัวข้อสัมมนา เจตนารมณ์ของผู้ร่วมเสวนา ขอบเขต วัตถุประสงค์และการนำผลของการสัมมนาไปใช้เพื่อประโยชน์ของสังคมส่วนรวมโดย แท้จริงด้วยความจริงใจ
"ผมขอเสนอข้อสังเกตบางประการ ดังนี้ การนำความสำคัญของสถาบันทั้งสาม เพื่อใช้เป็นมาตรการในการส่งเสริมความมั่นคงของประเทศนั้น น่าจะต้องใคร่ครวญ ไตร่ตรองให้รอบคอบ เพื่อให้ทุกคนมีความเข้าใจตรงกัน มีข้อมูล ข้อเท็จจริงบนพื้นฐานจริง พวกเราต้องเผชิญกับความเป็นจริงจึงจะสมประโยชน์ ชาติคือประชาชนที่เป็นพลเมืองของประเทศ ขณะนี้บ้านเมืองของเรามีการแบ่งฝ่ายกันเห็นได้อย่างชัดเจน มูลเหตุคืออะไรก็รู้ๆกันอยู่ ทำให้มีผลข้างเคียงไปถึงความรักความสามัคคีของคนในชาติของเรา เป็นข้อจำกัดต่อความสำเร็จ ผมมีความเห็นส่วนตัวว่าการที่มีความคิดเห็น ความเชื่อที่แตกต่างกัน ไม่เป็นอุปสรรคของการดำรงความรัก ความสามัคคีของคนไทยแม้แต่น้อย ถ้าคนในชาติมุ่งประสงค์ในสิ่งที่สำคัญที่สุดของประเทศเราคือความสงบสุข ความร่มเย็น ความสันติ และความมั่นคงโดยแท้แน่นอน ความเห็นและความเชื่อที่แตกต่าง จะไม่เป็นสิ่งกีดกันให้คนไทยรู้รักสามัคคีกัน” พล.อ.เปรม กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังการเปิดสัมมนาแล้วเสร็จ พล.อ.เปรม ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องการเมือง โดยผู้สื่อข่าวขอให้พล.อ.เปรม อวยพรเนื่องในวันปีใหม่ พล.อ.เปรม กล่าวว่า ยังเหลือเวลาอีกหลายวันกว่าจะถึงวันปีใหม่ พร้อมทั้งจะเปิดใจและเปิดบ้านสี่เสาเทเวศร์ให้เข้าอวยพร เนื่องในวันปีใหม่ในวันที่ 27 ธ.ค.นี้ เมื่อถามว่ายังอยากให้ประเทศไทยเป็นแผ่นดินธรรม แผ่นดินทองหรือไม่ พล.อ.เปรม กล่าวว่า “อยากให้มากที่สุด” เมื่อถามต่อว่าอยากให้คนในชาติกลับมาเป็นหนึ่งเดียวกันเหมือนในอดีตที่ผ่าน มา มีความรักความสามัคคีหรือไม่ พล.อ.เปรม กล่าวว่า “คุณก็รู้อยู่แล้ว”
พล.อ.เปรม กล่าวต่อว่า ปัจจุบันมีองค์กรต่างๆให้ความสนใจต่อสถาบันทั้งสามมาก และนำไปถกแถลงในวงกว้าง พูดถึงสถาบันในแง่มุมต่างๆตามที่ตนมีความเห็น มีเหตุผลทำนองเดียวกับผู้ที่มีเกียรติจะทำกันในวันนี้ ทั้งนี้ความเห็นส่วนตัวตนสนับสนุนการสัมมนาของทุกกลุ่ม เพราะเห็นว่าการสัมมนามีประโยชน์และจะจบลงโดยมีข้อสรุป ข้อเสนอที่เป็นรูปธรรม ซึ่งจะนำไปประยุกต์ใช้ได้ แต่การสัมมนาจะได้ประโยชน์มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับหัวข้อสัมมนา เจตนารมณ์ของผู้ร่วมเสวนา ขอบเขต วัตถุประสงค์และการนำผลของการสัมมนาไปใช้เพื่อประโยชน์ของสังคมส่วนรวมโดย แท้จริงด้วยความจริงใจ
"ผมขอเสนอข้อสังเกตบางประการ ดังนี้ การนำความสำคัญของสถาบันทั้งสาม เพื่อใช้เป็นมาตรการในการส่งเสริมความมั่นคงของประเทศนั้น น่าจะต้องใคร่ครวญ ไตร่ตรองให้รอบคอบ เพื่อให้ทุกคนมีความเข้าใจตรงกัน มีข้อมูล ข้อเท็จจริงบนพื้นฐานจริง พวกเราต้องเผชิญกับความเป็นจริงจึงจะสมประโยชน์ ชาติคือประชาชนที่เป็นพลเมืองของประเทศ ขณะนี้บ้านเมืองของเรามีการแบ่งฝ่ายกันเห็นได้อย่างชัดเจน มูลเหตุคืออะไรก็รู้ๆกันอยู่ ทำให้มีผลข้างเคียงไปถึงความรักความสามัคคีของคนในชาติของเรา เป็นข้อจำกัดต่อความสำเร็จ ผมมีความเห็นส่วนตัวว่าการที่มีความคิดเห็น ความเชื่อที่แตกต่างกัน ไม่เป็นอุปสรรคของการดำรงความรัก ความสามัคคีของคนไทยแม้แต่น้อย ถ้าคนในชาติมุ่งประสงค์ในสิ่งที่สำคัญที่สุดของประเทศเราคือความสงบสุข ความร่มเย็น ความสันติ และความมั่นคงโดยแท้แน่นอน ความเห็นและความเชื่อที่แตกต่าง จะไม่เป็นสิ่งกีดกันให้คนไทยรู้รักสามัคคีกัน” พล.อ.เปรม กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังการเปิดสัมมนาแล้วเสร็จ พล.อ.เปรม ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องการเมือง โดยผู้สื่อข่าวขอให้พล.อ.เปรม อวยพรเนื่องในวันปีใหม่ พล.อ.เปรม กล่าวว่า ยังเหลือเวลาอีกหลายวันกว่าจะถึงวันปีใหม่ พร้อมทั้งจะเปิดใจและเปิดบ้านสี่เสาเทเวศร์ให้เข้าอวยพร เนื่องในวันปีใหม่ในวันที่ 27 ธ.ค.นี้ เมื่อถามว่ายังอยากให้ประเทศไทยเป็นแผ่นดินธรรม แผ่นดินทองหรือไม่ พล.อ.เปรม กล่าวว่า “อยากให้มากที่สุด” เมื่อถามต่อว่าอยากให้คนในชาติกลับมาเป็นหนึ่งเดียวกันเหมือนในอดีตที่ผ่าน มา มีความรักความสามัคคีหรือไม่ พล.อ.เปรม กล่าวว่า “คุณก็รู้อยู่แล้ว”
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น