วันนี้ ( 7 ส.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.ประยุทธ์
จันทร์โอชา ผบ.ทบ.
แถลงถึงปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า
สถานการณ์วันนี้เกิดขึ้นจากคนในประเทศที่มีความคิดเห็นแตกต่าง
และจากการกระทำที่ผิดกฎหมายที่รวมกลุ่มขึ้นมามุ่งหวังให้ดินแดนภาคใต้เป็น
ดินแดนความมืดมิด ไม่ให้ใครเข้าไปแตะต้องได้ ไม่ใช่ขบวนการแยกดินแดนทั้งหมด
เพราะความสูญเสียเกิดขึ้นกับคนทุกศาสนา
เราได้จัดทำทำเนียบกำลังรบของข้าศึก
และติดตามจับกุมโดยใช้กระบวนการทางกฎหมาย
การแก้ไขปัญหาไม่สามารถใช้ยุทธวิธีได้อย่างเดียว ไม่เช่นนั้นจะทำให้เงื่อนไขที่เกิดขึ้นมากเกินเยียวยา ผลกระทบคือความสูญเสียและบาดเจ็บของเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้บริสุทธิ์ ทหารและตำรวจไม่ใช่ไม่มีประสิทธิภาพ แต่ต้องใช้อยู่ในกรอบที่จำกัด ไม่สามารถใช้กำลังขนาดใหญ่ลงไปปิดล้อม ตรวจค้นได้ทั้งหมด นอกจากจะมีงานด้านการข่าวชัดเจน ในการบังคับใช้กฎหมายพิเศษ โดยเฉพาะพื้นที่เป้าหมายเท่านั้น สำหรับกฎหมายพิเศษมีกฎอัยการศึก และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ใช้เพียงบางข้อเท่านั้น จะเห็นว่าไม่มีผลกระทบโดยรวม อีกทั้งการใช้กฎหมายมีความรัดกุม แต่ถ้าเราไม่มีกฎหมายตัวนี้มันก็จะช้า และจะทำเกิดการทำลายหลักฐานดำเนินการอย่างรวดเร็ว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า การประกาศเคอร์ฟิว แค่เป็นเวลา หรือแค่บางพื้นที่ก็ยังได้รับการต่อต้าน เพราะว่ามีคนส่วนหนึ่งเขาไม่ได้เดือดร้อนก็เกรงว่าเขาจะได้รับผลกระทบจาก กฎหมายเหล่านั้น ก็รู้ว่าเป็นไปได้ยากที่จะประกาศได้ แต่เราก็ต้องใช้อย่างระมัดระวัง ผู้ก่อเหตุใช้ยุทธวิธีการก่อการร้ายแบบกองโจรแบบสุนัขลอบกัด และผู้ที่ใช้ก็คือไอ้โจรไทย เป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ ทุกรัฐบาลและทุก ผบ.ทบ.ไม่มีใครเก่งกว่าใคร สิ่งสำคัญ คือความเข้าใจที่เราไม่ได้จากพวกเรากันเอง หากมองในมิติเดียวการบาดเจ็บและการสูญเสียใครก็รับไม่ได้ และตนก็รับไม่ได้ เจ็บใจและโกรธแค้นมากกว่าคนอื่นที่ลูกน้องถูกยิง ถูกฆ่าทุกวัน แต่ตนทำได้แค่บังคับใช้กฎหมายให้งวดมากขึ้น และทำให้ประชาชนในพื้นที่ปฏิเสธในภาพรวมทั้งหมด ว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน นั่นคือสิ่งที่วนเป็นปัญหา เพราะฉะนั้นทุกคนต้องลดความกดดัน ไม่เช่นนั้นเจ้าหน้าที่จะไปในทางที่ผิด วันนี้ต้องบอกลูกน้องว่าโมโหไม่ได้ เพราะผู้ก่อเหตุถูกล้างสมองว่า ถ้าเราพลาดเราบาดเจ็บ เสียชีวิต เพราะฉะนั้น ต้องระวังตัวให้มากที่สุด ถ้าระวังตัวไม่ได้ก็ต้องตาย ทุกคนที่ลงพื้นที่ไม่เคยเรียกร้องสิทธิอะไรมากมายไปกว่านี้ เช่นพิธีศพ การดูแลลูกเมีย
“ผมเจ็บปวดกว่าท่านเยอะ ดังนั้นอย่ามาบอกว่าเจ็บแค้นแทนทหารเพราะจะทำให้กำลังพลเสียขวัญ ผมถามว่าวันนี้เราเสียดินแดนซักตารางนิ้วในภาคใต้แล้วหรือยัง มีใครมาแสดงตัวรับผิดชอบหรือเปล่า มีแต่อีแอบ อีหมาลอบกัดอย่างเดียว ท่านก็ทนมันไม่ได้ แล้วจะให้ผมทนอยู่ข้างเดียวหรืออย่างไร ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่เขาไม่ได้ชื่นชมกับคนกลุ่มนี้ แต่ผมไม่เข้าใจว่าคนหลายๆ พวกพูดเหมือนกับว่าเขามีความเก่งกาจสามารถ มันจะไปเก่งกาจอะไร มันแอบลอบกัด ทำไมไม่ให้เกียรติทหารที่เป็นสุภาพบุรุษบ้าง นี่เขารู้ว่าเขาต้องตาย ยังต้องทำเลย ทำไมท่านไม่ให้กำลังใจเขา ไม่ใช่ผมเป็นผบ.ทบ.แล้วจะสบาย อยากจะเสวยสุขอยู่ในตำแหน่ง อยู่แค่2 ปีก็จะเกษียณแล้ว “พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามถึงการใช้เรือเหาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรือเหาะใช้ได้ทุกพื้นที่ แต่ตรงไหนที่อันตรายเราก็ไม่ใช้ อย่างน้อยต้องขึ้นบินอย่างต่ำ 3 พันเมตร เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกยิง คนที่คิดใช้เรือเหาะในพื้นที่ไม่ใช่ปัญญาอ่อน หรือจะเอาผลประโยชน์ แต่เขามองว่าทำอย่างไรเราจะเฝ้ามองตรวจสนามรบได้ตลอดเวลา ส่วนกรณีที่กองทัพอากาศจะใช้เครื่องบิน เอยู-23 มาช่วยลาดตระเวนคุ้มครองหน่วยภาคพื้นดินนั้น เป็นความหวังดีของรมว.กลาโหม และผบ.ทอ. อย่างน้อยก็เป็นตาข้างบน ห้ามปรามได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า วันนี้ขาดแคลนตำรวจพอสมควร ส่วนใหญ่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยเป็นหลัก แต่มันโหด ดังนั้นใช้เฉพาะตำรวจอาจจะไม่เหมาะ ขณะนี้เตรียมการนำตำรวจใหม่ที่ผ่านการฝึกสงครามกองโจร สงครามนอกแบบ ลงไปทำงานร่วมกับตำรวจภูธร แต่ยังฝึกไม่ทันก็เลยนำตำรวจพลร่มลงไปก่อนเพื่อไปขับเคลื่อนในทุกจังหวัด และในเขตเมือง ทางผวจ. นายอำเภอ มีกำลังฝ่ายพลเรือนเป็นหลัก ทหารจะเป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง เมื่อมีเหตุการณ์ก็เข้าไปช่วย แต่เวลามีเรื่องทหารโดนด่าทุกที.
การแก้ไขปัญหาไม่สามารถใช้ยุทธวิธีได้อย่างเดียว ไม่เช่นนั้นจะทำให้เงื่อนไขที่เกิดขึ้นมากเกินเยียวยา ผลกระทบคือความสูญเสียและบาดเจ็บของเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้บริสุทธิ์ ทหารและตำรวจไม่ใช่ไม่มีประสิทธิภาพ แต่ต้องใช้อยู่ในกรอบที่จำกัด ไม่สามารถใช้กำลังขนาดใหญ่ลงไปปิดล้อม ตรวจค้นได้ทั้งหมด นอกจากจะมีงานด้านการข่าวชัดเจน ในการบังคับใช้กฎหมายพิเศษ โดยเฉพาะพื้นที่เป้าหมายเท่านั้น สำหรับกฎหมายพิเศษมีกฎอัยการศึก และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ใช้เพียงบางข้อเท่านั้น จะเห็นว่าไม่มีผลกระทบโดยรวม อีกทั้งการใช้กฎหมายมีความรัดกุม แต่ถ้าเราไม่มีกฎหมายตัวนี้มันก็จะช้า และจะทำเกิดการทำลายหลักฐานดำเนินการอย่างรวดเร็ว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า การประกาศเคอร์ฟิว แค่เป็นเวลา หรือแค่บางพื้นที่ก็ยังได้รับการต่อต้าน เพราะว่ามีคนส่วนหนึ่งเขาไม่ได้เดือดร้อนก็เกรงว่าเขาจะได้รับผลกระทบจาก กฎหมายเหล่านั้น ก็รู้ว่าเป็นไปได้ยากที่จะประกาศได้ แต่เราก็ต้องใช้อย่างระมัดระวัง ผู้ก่อเหตุใช้ยุทธวิธีการก่อการร้ายแบบกองโจรแบบสุนัขลอบกัด และผู้ที่ใช้ก็คือไอ้โจรไทย เป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ ทุกรัฐบาลและทุก ผบ.ทบ.ไม่มีใครเก่งกว่าใคร สิ่งสำคัญ คือความเข้าใจที่เราไม่ได้จากพวกเรากันเอง หากมองในมิติเดียวการบาดเจ็บและการสูญเสียใครก็รับไม่ได้ และตนก็รับไม่ได้ เจ็บใจและโกรธแค้นมากกว่าคนอื่นที่ลูกน้องถูกยิง ถูกฆ่าทุกวัน แต่ตนทำได้แค่บังคับใช้กฎหมายให้งวดมากขึ้น และทำให้ประชาชนในพื้นที่ปฏิเสธในภาพรวมทั้งหมด ว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน นั่นคือสิ่งที่วนเป็นปัญหา เพราะฉะนั้นทุกคนต้องลดความกดดัน ไม่เช่นนั้นเจ้าหน้าที่จะไปในทางที่ผิด วันนี้ต้องบอกลูกน้องว่าโมโหไม่ได้ เพราะผู้ก่อเหตุถูกล้างสมองว่า ถ้าเราพลาดเราบาดเจ็บ เสียชีวิต เพราะฉะนั้น ต้องระวังตัวให้มากที่สุด ถ้าระวังตัวไม่ได้ก็ต้องตาย ทุกคนที่ลงพื้นที่ไม่เคยเรียกร้องสิทธิอะไรมากมายไปกว่านี้ เช่นพิธีศพ การดูแลลูกเมีย
“ผมเจ็บปวดกว่าท่านเยอะ ดังนั้นอย่ามาบอกว่าเจ็บแค้นแทนทหารเพราะจะทำให้กำลังพลเสียขวัญ ผมถามว่าวันนี้เราเสียดินแดนซักตารางนิ้วในภาคใต้แล้วหรือยัง มีใครมาแสดงตัวรับผิดชอบหรือเปล่า มีแต่อีแอบ อีหมาลอบกัดอย่างเดียว ท่านก็ทนมันไม่ได้ แล้วจะให้ผมทนอยู่ข้างเดียวหรืออย่างไร ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่เขาไม่ได้ชื่นชมกับคนกลุ่มนี้ แต่ผมไม่เข้าใจว่าคนหลายๆ พวกพูดเหมือนกับว่าเขามีความเก่งกาจสามารถ มันจะไปเก่งกาจอะไร มันแอบลอบกัด ทำไมไม่ให้เกียรติทหารที่เป็นสุภาพบุรุษบ้าง นี่เขารู้ว่าเขาต้องตาย ยังต้องทำเลย ทำไมท่านไม่ให้กำลังใจเขา ไม่ใช่ผมเป็นผบ.ทบ.แล้วจะสบาย อยากจะเสวยสุขอยู่ในตำแหน่ง อยู่แค่2 ปีก็จะเกษียณแล้ว “พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามถึงการใช้เรือเหาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรือเหาะใช้ได้ทุกพื้นที่ แต่ตรงไหนที่อันตรายเราก็ไม่ใช้ อย่างน้อยต้องขึ้นบินอย่างต่ำ 3 พันเมตร เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกยิง คนที่คิดใช้เรือเหาะในพื้นที่ไม่ใช่ปัญญาอ่อน หรือจะเอาผลประโยชน์ แต่เขามองว่าทำอย่างไรเราจะเฝ้ามองตรวจสนามรบได้ตลอดเวลา ส่วนกรณีที่กองทัพอากาศจะใช้เครื่องบิน เอยู-23 มาช่วยลาดตระเวนคุ้มครองหน่วยภาคพื้นดินนั้น เป็นความหวังดีของรมว.กลาโหม และผบ.ทอ. อย่างน้อยก็เป็นตาข้างบน ห้ามปรามได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า วันนี้ขาดแคลนตำรวจพอสมควร ส่วนใหญ่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยเป็นหลัก แต่มันโหด ดังนั้นใช้เฉพาะตำรวจอาจจะไม่เหมาะ ขณะนี้เตรียมการนำตำรวจใหม่ที่ผ่านการฝึกสงครามกองโจร สงครามนอกแบบ ลงไปทำงานร่วมกับตำรวจภูธร แต่ยังฝึกไม่ทันก็เลยนำตำรวจพลร่มลงไปก่อนเพื่อไปขับเคลื่อนในทุกจังหวัด และในเขตเมือง ทางผวจ. นายอำเภอ มีกำลังฝ่ายพลเรือนเป็นหลัก ทหารจะเป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง เมื่อมีเหตุการณ์ก็เข้าไปช่วย แต่เวลามีเรื่องทหารโดนด่าทุกที.
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น