วันนี้ (7 ส.ค.) มีรายงานข่าวจากจ.ปัตตานีว่า นายวาเด็ง ปูเต๊ะ
พระสหายในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ได้เสียชีวิตอย่างสงบแล้วด้วยโรคชรา เมื่อเวลา 15.00 น. ภายในบ้านพักที่
ต.ปะเสยะวอ อ.สายบุรี ในวัย 96 ปี โดยนายธีระ
มินทราศักดิ์ ผวจ.ปัตตานีเดินทางไปบริเวณงานศพแล้ว
หลังจากนี้จะมีการประกอบพิธีทางศาสนาอิสลามต่อไป ภายใน 24
ชั่วโมง คาดว่าจะมีการฝังศพที่กุโบร์ บริเวณละแวกบ้านของนายวาเด็ง ต่อไป
สำหรับ “วาเด็ง ปูเต๊ะ” หรือ “เป๊าะเด็ง” แม้ในวัย 96 ปี
แต่ความจงรักภักดีและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณไม่เคยเสื่อมคลาย
ย้อนเวลากลับไปเมื่อประมาณ 15-16 ปีที่แล้ว ขณะที่ “เป๊าะเด็ง”
กำลังขะมักเขม้นอยู่กับการดูแลต้นทุเรียนและลองกองในสวน
ช่วงเวลาใกล้ค่ำได้เห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา
หนึ่งในนั้นได้กวักมือเรียกให้เข้าไปหา แต่ตัวผู้เฒ่าเองกลับรู้สึกกล้า ๆ
กลัว ๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ ผู้เฒ่าเห็นทหารกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาและกล่าวว่า
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จ
พระราชดำเนินมาทอดพระเนตรความเป็นไปได้ในการสร้างอาคาร
กั้นน้ำที่คลองน้ำจืดบ้านทุ่งเค็จ ต.แป้น อ.สายบุรี
"วันนั้น เป๊าะ กำลังทำสวนอยู่กับภรรยา (นางสาลาเมาะ ปูเต๊ะ) บริเวณประตูน้ำบ้านบาเลาะ ต.ปะเสยะวอเป็นป่าทึบ ก็มีคุณหญิงคนหนึ่งมาบอกว่า ในหลวง ต้องการพบตัวแต่ภรรยาไม่กล้าไปพบ จนกระทั่งเป๊าะเลี้ยงโคกลับมา ก็มีตำรวจมาตามเป็นครั้งที่สอง เป๊าะ ตกใจมากว่าตำรวจมาตามเรื่องอะไร เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด จนกระทั่งสื่อสารกันเข้าใจว่า ในหลวง ต้องการมาสร้างฝายกั้นน้ำคลองน้ำจืด บ้านทุ่งเค็จ ต.แป้นอ.สายบุรี เพื่อช่วยเหลือเรื่องแหล่งน้ำแก่ชาวบ้านในการทำการเกษตร เป๊าะ ถึงกล้าไปพบ แต่ตอนนั้น เป๊าะ ยังไม่ค่อยเชื่อว่าพระองค์จะเข้ามาอยู่ในป่าในเขาแบบนี้ จึงคิดว่าคนที่มาบอกโกหก ขนาดมาพบพระองค์แล้ว เป๊าะ ก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็น ในหลวง จริงหรือเปล่า จึงแอบหยิบเงินใบละ 100 บาท กับใบละ 20 บาทขึ้นมาดู จึงแน่ใจว่าเป็นพระองค์เสด็จฯ มาจริง ๆ" ลูกชายนายวาเด็ง ถ่ายทอดแปลป็นภาษาไทยไว้
ผู้เฒ่าพระสหายแห่งสายบุรี เคยให้สัมภาษณ์ถึงในหลวงมีใจความสำคัญ จนผู้ที่ได้ฟังรู้สึกตื้นตัวใจอย่างมาก โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อ 19 ปีที่แล้ว ซึ่งมีทหารกลุ่มหนึ่งมาตามที่บ้านบอกให้เขาไปพบในหลวง ขณะนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาทอดพระเนตรความเป็นไปได้ในการสร้างอาคาร กั้นน้ำที่คลองน้ำจืดบ้านทุ่งเค็จ อำเภอสายบุรี วาเด็ง ปูเต๊ะจึงได้เฝ้าในหลวงเป็นครั้งแรก เขาเล่าถึงเหตุการณ์ตอนนั้น ดังนี้
“ตอน นั้นผมทราบแล้วว่า เป็นในหลวง แต่จะเข้าไปใกล้ๆ ก็ไม่กล้า
เพราะว่า นุ่งโสร่งตัวเดียว ไม่ได้สวมเสื้อ พอเข้าไปใกล้ๆ ในหลวงก็บอกว่า
จะมาขุดคลองชลประทานให้ พอได้ยินอย่างนั้น ผมก็ดีใจมาก คุยกันเยอะ
ท่านถามว่า ถ้าขุดคลองสายทุ่งเค็จนี้จะไปสิ้นสุดลงที่ตรงไหน ผมบอกท่านว่า
คลองเส้นนี้มีที่ดินติดเขตตำบลแป้น ทางเหนือขึ้นไปสุดที อำเภอศรีสาคร
ในหลวงถามต่อว่า ถ้าไปออกทะเลจะมีกี่เกาะ ผมก็ตอบท่านไปว่า มี 4 เกาะ
ท่านก็ชมว่าเก่งสามารถจำทุกที่ที่ผ่านไปได้
แล้วท่านก็เปิดดูแผนที่ที่นำมาด้วย แล้วบอกว่า ผมรู้จริง ไม่โกหก
ทุกสิ่งที่ผมบอกมีอยู่ในแผนที่ของพระองค์แล้ว …ในหลวงคุยกับผมเป็นภาษามลายู
ท่านพูดมลายูสำเนียงไทรบุรี คุยกันก็เข้าใจเลย พอเจอกันบ่อยๆ คุยกัน
มีความเห็นตรงกัน ท่านก็เลยรับผมเป็นพระสหาย ผมบอกว่า
ทุกสิ่งทุกอย่างที่บอกท่านไปทั้งหมดเป็นความจริง พูดโกหกไม่ได้จะเป็นบาป ”
นอกจากนี้ นายวาเด็ง ยังเคยกล่าวไว้ด้วยว่า
"ยังมีครั้งหนึ่ง ในหลวง คงจะทรงลองใจเป๊าะ
จึงตรัสถามขอที่ดินเพื่อทำโครงการพระราชดำริ ด้วยความปลาบปลื้ม เป๊าะ
จึงขอยกที่ดินถวายให้พระองค์ทันที ในหลวง จึงแย้มพระสรวล
และมีพระราชดำรัสว่าให้ เป๊าะ เป็น “พระสหาย” ตั้งแต่บัดนั้น ในหลวง
ตรัสเรื่องนี้ว่า
“วาเด็งเป็นคนซื่อตรง…จึงขอแต่งตั้งให้วาเด็งเป็นเพื่อนของในหลวง”
พร้อมทรงชวนให้ เป๊าะ และภรรยาเดินทางไปเที่ยวที่กรุงเทพฯ
และเมื่อพระองค์เสด็จฯ
มาสามจังหวัดก็เรียกให้เข้าเฝ้าที่พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ทุกครั้งล่าสุด
ในหลวง ตรัสว่าให้วาเด็งหยุดทำงานได้แล้ว เพราะแก่แล้ว อายุมากแล้ว
ทรงเป็นห่วงสุขภาพของ เป๊าะ กลัวว่าทำงานหนักจะไม่สบาย” วาเด็ง ปูเต๊ะ
เล่าถึงเหตุการณ์วันที่ได้รับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
โดยไม่คาดฝัน จนกระทั่งได้กลายมาเป็น “พระสหาย” แห่งสายบุรี
ในเวลาต่อมาวาเด็ง ปูเต๊ะ บอกอีกว่า ตอนที่ไม่มีทีวีให้ดู เวลาอยากเห็นหน้า
ในหลวง ก็จะหยิบเงินมาดูก็พอหายคิดถึงได้บ้าง
พอมีทีวีแล้วก็จะรอดูแต่ข่าวในพระราชสำนักทุกวัน
แต่พอพระองค์ทรงพระประชวรก็ต้องมาตามดูข่าวในพระราชสำนักตอนกลางวัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าญาติๆ ได้ทำพิธีฝังศพนายวาเด็ง ปูเต๊ะ ในกุโบร์ละแวกบ้านแล้ว นายมะไซนุง ดอรอแม ลูกเขย ผู้ดูแลพระสหายแห่งลุ่มน้ำสายบุรีในขณะมีชีวิตอยู่ เปิดเผยว่า ก่อนที่นายวาเด็ง ปูเต๊ะ จะเสียชีวิต ท่านได้ฝากให้ตนสานต่อเจตนารมณ์เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง แนะนำเยาวชนรุ่นหลังให้ทำตามพระราชดำรัสของในหลวง ให้ดูแลผลไม้พื้นเมืองประจำถิ่น เช่น ทุเรียน ลองกอง จำปาดะ และนำขึ้นทูลเกล้าฯในหลวงทุกปีอย่างที่นายวาเด็ง ปูเต๊ะ ทำเมื่อยังมีชีวิตอยู๋
นายมะไซนุง เล่านาทีตอนที่ท่านเสียชีวิตว่า ช่วงนั้นท่านบ่นเจ็บหน้าอก จากนั้นขอน้ำจากตน หลังจากได้ดื่มน้ำ ท่านค่อยๆล้มตัวลงนอน และได้บ่นถึงพระเจ้า จากนั้นก็สิ้นใจด้วยความสงบทันที.
"วันนั้น เป๊าะ กำลังทำสวนอยู่กับภรรยา (นางสาลาเมาะ ปูเต๊ะ) บริเวณประตูน้ำบ้านบาเลาะ ต.ปะเสยะวอเป็นป่าทึบ ก็มีคุณหญิงคนหนึ่งมาบอกว่า ในหลวง ต้องการพบตัวแต่ภรรยาไม่กล้าไปพบ จนกระทั่งเป๊าะเลี้ยงโคกลับมา ก็มีตำรวจมาตามเป็นครั้งที่สอง เป๊าะ ตกใจมากว่าตำรวจมาตามเรื่องอะไร เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด จนกระทั่งสื่อสารกันเข้าใจว่า ในหลวง ต้องการมาสร้างฝายกั้นน้ำคลองน้ำจืด บ้านทุ่งเค็จ ต.แป้นอ.สายบุรี เพื่อช่วยเหลือเรื่องแหล่งน้ำแก่ชาวบ้านในการทำการเกษตร เป๊าะ ถึงกล้าไปพบ แต่ตอนนั้น เป๊าะ ยังไม่ค่อยเชื่อว่าพระองค์จะเข้ามาอยู่ในป่าในเขาแบบนี้ จึงคิดว่าคนที่มาบอกโกหก ขนาดมาพบพระองค์แล้ว เป๊าะ ก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็น ในหลวง จริงหรือเปล่า จึงแอบหยิบเงินใบละ 100 บาท กับใบละ 20 บาทขึ้นมาดู จึงแน่ใจว่าเป็นพระองค์เสด็จฯ มาจริง ๆ" ลูกชายนายวาเด็ง ถ่ายทอดแปลป็นภาษาไทยไว้
ผู้เฒ่าพระสหายแห่งสายบุรี เคยให้สัมภาษณ์ถึงในหลวงมีใจความสำคัญ จนผู้ที่ได้ฟังรู้สึกตื้นตัวใจอย่างมาก โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อ 19 ปีที่แล้ว ซึ่งมีทหารกลุ่มหนึ่งมาตามที่บ้านบอกให้เขาไปพบในหลวง ขณะนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาทอดพระเนตรความเป็นไปได้ในการสร้างอาคาร กั้นน้ำที่คลองน้ำจืดบ้านทุ่งเค็จ อำเภอสายบุรี วาเด็ง ปูเต๊ะจึงได้เฝ้าในหลวงเป็นครั้งแรก เขาเล่าถึงเหตุการณ์ตอนนั้น ดังนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าญาติๆ ได้ทำพิธีฝังศพนายวาเด็ง ปูเต๊ะ ในกุโบร์ละแวกบ้านแล้ว นายมะไซนุง ดอรอแม ลูกเขย ผู้ดูแลพระสหายแห่งลุ่มน้ำสายบุรีในขณะมีชีวิตอยู่ เปิดเผยว่า ก่อนที่นายวาเด็ง ปูเต๊ะ จะเสียชีวิต ท่านได้ฝากให้ตนสานต่อเจตนารมณ์เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง แนะนำเยาวชนรุ่นหลังให้ทำตามพระราชดำรัสของในหลวง ให้ดูแลผลไม้พื้นเมืองประจำถิ่น เช่น ทุเรียน ลองกอง จำปาดะ และนำขึ้นทูลเกล้าฯในหลวงทุกปีอย่างที่นายวาเด็ง ปูเต๊ะ ทำเมื่อยังมีชีวิตอยู๋
นายมะไซนุง เล่านาทีตอนที่ท่านเสียชีวิตว่า ช่วงนั้นท่านบ่นเจ็บหน้าอก จากนั้นขอน้ำจากตน หลังจากได้ดื่มน้ำ ท่านค่อยๆล้มตัวลงนอน และได้บ่นถึงพระเจ้า จากนั้นก็สิ้นใจด้วยความสงบทันที.
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น