วันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ขุนค้อน”วอนสื่อเข้าใจเหตุไม่รับสาย


วันนี้(20 ธ.ค.)ที่รัฐสภา นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้บรรยายพิเศษต่อสื่อมวลชนรัฐสภา เรื่อง“  ทิศทางการเมืองไทย กับรัฐสภา ในปี 2556”  ว่า  น่าใจหายแก่เพิ่มอีกหนึ่งปี บรรยากาศของเราวันนี้เหมือนคราวปีที่แล้ว เป็นความประทับใจ บรรยากาศเป็นกันเอง ขอทำความเข้าใจ ก่อนหน้ารับตำแหน่งประธานสภาฯ พยายามแจกเบอร์ให้นักข่าวทุกคน ตอนแรกๆโทรมาก็รับดี เพราะภารกิจไม่เยอะ แต่หลังๆ ไม่ไหว หากรับสายโทรศัพท์จากนักข่าว ไม่มีเวลาทำงานอื่น สุดท้ายสถานการณ์บังคับ ภาระงานบีบบังคับ ไม่มีเวลาทานข้าวไปโดยธรรมชาติ แทบจะไม่ได้รับสายเลย อาจทำให้เสียอารมณ์ ขอความเห็นใจขออภัยอยากให้เข้าใจตนด้วย ความตั้งใจอยากใกล้ชิดอยากพูดคุย แต่สถานการณ์มันเปลี่ยน หากเข้าใจก็หมดปัญหา หากไม่เข้าใจก็เสียความรู้สึก

“ภาระบางครั้งรัดตัวจริงๆ  หลังๆ มีเหตุทางการเมืองที่แทรกซ้อนเข้ามาช่วงที่แก้รัฐธรรมนูญ บางทีในฐานะประธานรัฐสภา พูดอะไรไปก็เป็นประเด็นการเมืองหมด พูดอะไร สื่อก็นำไปขยายความต่อ ตรงหรือไม่ตรงบ้าง ก็เป็นเรื่องที่ผ่านมาเอาว่าในช่วงหลังๆ ลดบทบาทตัวเองลงเพื่อลดกระแสต่างๆ ลดความหมั่นไส้ของผู้คน โดยเฉพาะสมาชิกพรรคพวกเดียวกันอย่างในพรรคเพื่อไทย พูดอะไรมาก พูดจากใจ ไม่มีเจตนาอะไร พูดตรงเกินไป พวกก็หมั่นไส้ ดังนั้นพิจารณาแล้ว ผมน่าจะพูดให้น้อยลง จะให้สัมภาษณ์น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น นิ่งเสียอาจจะดีกว่า ถ้าพูดมากก็ทำให้สับสน สถานการณ์การเมืองช่วงหลัง เริ่มจะเข้าที่เข้าทาง ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก ไม่เหมือนตอนโหวต รธน. วาระสาม ตอนนั้น พูดแล้ว เป็นอย่างที่ทราบ หลายๆ คนหมั่นไส้กัน”นายสมศักดิ์ กล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า การเมืองทิศทางไปได้ดี โดยเฉพาะเรื่องรัฐธรรมนูญ ที่ประชุมครม. มีมติให้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาศึกษา ไม่เกิน 1 เดือน มีแนวโน้มทำประชามติ ประชาเสวนาควบคู่แปลว่าไม่เร่งด่วน เป็นทางออกที่ดี เห็นด้วยกับแนวทางของนายกฯที่ให้สัมภาษณ์ไว้อย่างยิ่ง ซึ่งประเด็นที่เห็นด้วยไม่จำเป็นต้องพูดอะไร นอกจากไม่เห็นด้วย แต่ประเด็นที่ไม่เห็นด้วยหลายอย่างไม่พูด แต่ถ้าสิ่งที่ไม่เห็นด้วย ไม่พูดแล้วทำให้ชาติ บ้านเมืองเสียหาย เช่น ลงมติวาระสาม จำเป็นต้องพูด แม้พูดไปแล้วจะมีพรรคพวกหมั่นไส้ ก็ยอม เพราะไม่ได้ยึดประโยชน์ส่วนตัว หากแนวทางที่ให้ลงประชามติ ทำให้ประเทศ ประชาชนทั้ง 65 ล้านคนเดินลงเหว หากเดินหน้าลงวาระสามจะเกิดเหตุการณ์อะไรบ้างก็ไม่ทราบ ตนจะเห็นแก่ตัว ไม่พูดก็ได้ สถานการณ์ตอนนั้นตีกินตามน้ำก็ทำได้ ตนจึงออกมาให้ความเห็นแย้ง ยอมรับว่ามีพรรคพวกหมั่นไส้ เรียกได้ว่านอนก่ายหน้าผากก็นับตีนไม่ถ้วนแล้ว แต่เราก็หลุดพ้นวิกฤตมาได้ ตนภาคภูมิใจในความเป็นตัวตน ทำในสิ่งที่ควรต้องทำ ประสบความสำเร็จ

“ครั้งแรกรู้สึกน้อยใจ ว่าทำดี ถูกต้อง ยังโดนด่า ทั้งฝ่ายตรงข้ามและพรรคพวกเดียวกัน มีความรู้สึกน้อยใจ และท้อใจ ทั้งที่เป็นสิ่งที่ดี เมื่อทำในสิ่งที่ถูกต้อง และทุกคนเห็น ทุกฝ่าย ประชาชนให้กำลังใจ ถือว่านิมิตรหมายที่ดี เดินต่อจากนี้ต่อไปเห็นชัดๆ ว่า อย่างที่นายกฯ ให้สัมภาษณ์แล้วสบายใจ หมายความว่าไม่เลือกวิธี หักด้ามพร้าด้วยเข่า หรือ รวบรัด แต่ใช้วิธีฟังเสียงประชาชน ดึงประชาชนมาตัดสิน อย่างไรก็ตามสื่อมวลชนก็ทราบดี ในคำชี้แนะของศาลรัฐธรรมนูญ ผมย้ำว่าไม่ใช่คำวินิจฉัย แต่เป็นคำชี้แนะ จึงได้ตั้งข้อสังเกต ว่า มีถนนคอนกรีตให้วิ่ง ไม่วิ่ง จะไปวิ่งถนนลูกรัง คือ การไม่ทำประชามติ ลงมติวาระสามเลย ก็ไม่จบหรอก จะมีคนไปยื่นตีความมาตรา 68 อีก รอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอีกรอบ อาจใช้ใช้เวลาเป็น 6 – 7 เดือน แต่ถ้าลงตั้งแต่ตอนนี้ รู้ไปเลย ใช้เวลา 5 เดือนก็จบ และไม่มีปัญหา นี่คือ ถนนคอนกรีต แต่ถ้าเลือกไม่ลงประชามติ จบช้าและมีปัญหา คือ ถนนลูกรัง ” นายสมศักดิ์ กล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า มีสิ่งที่หลายคนห่วง คือ เสียงที่จะมาใช้สิทธิ์ถึงครึ่งหรือไม่ ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง หรือ 23 – 24 ล้านคน ตอบตรงๆ ยาก ยาก เพราะการเลือกตั้งที่ผ่านมามีคนใช้สิทธิ์ 70 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งก็คือทั้งชอบ และไม่ชอบรัฐบาล  ถ้าชอบคะแนนก็ไม่ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ โอกาสประชามติจะถึงครึ่งตอบได้เลยว่าไม่ง่าย แต่ต้องทำไม่มีทางเลือกอื่นเพราะเป็นทางออกที่ดีที่สุด อย่างเลวร้ายที่สุด ประชาชนมาใช้สิทธิ์ไม่ถึงครึ่ง ตกก็ตก เสนอใหม่ แก้รัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา หากไม่ทำขัดรัฐธรรมนูญ การปกครองในระบอบประชาธิปไตยต้องกลับไปที่ประชาชน บ้านเมืองตอนนี้ใครจะให้คำตอบ หลายสี เห็นแย้ง ถือธงคนละสี พูดกันอย่างไรไม่มีทางเข้าใจกัน ดังนั้นทางออก ให้ประชาชนทั่วประเทศ ตอบแทน ผลออกมาอย่างไรต้องยอมรับ หากไม่ยอมรับ เรียกว่า อันธพาลแล้ว หลายคนทักท้วงว่า ทำไปเสียเวลาเปล่า ตนมองว่าทางออกของรัฐธรรมนูญ วาระสามที่ค้างอยู่มี 2 ทาง คือ ทำประชามติทั้งก่อนและหลังแก้รัฐธรรมนูญ คือ 2 รอบ หรืออีกทางคือทำประชามติหลังยกร่างรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จ หรือทางที่สามซึ่งเป็นไปไม่ได้คือ ให้โหวตคว่ำรัฐธรรมนูญ

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับร่าง พ.ร.บ ปรองดองแห่งชาติฯ ถามว่าจะทำอย่างไรตนตอบแทนไม่ได้ เพราะเป็นแค่บุรุษไปรษณีย์ ขั้นตอนอยู่ที่ ส.ส. เป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทย พรรคร่วมรัฐบาล และพรรคฝ่ายค้าน ถ้า ส.ส.ทั้งหมดว่าอย่างไรก็ต้องเป็นอย่างนั้น ตนก็ว่าตาม ไม่มีทางเลือกอื่น อย่างไรก็ตามเชื่อว่ารัฐบาลทราบว่าจะเดินอย่างไร ตัวชี้วัดทางออกของประเทศไทย คือเรื่องรัฐธรรมนูญ ดังนั้น ร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฯ นายกฯ คิดไม่ต่างกับทางออกในเรื่องรัฐธรรมนูญ เมื่อเห็นทางออกของรัฐธรรมนูญแล้ว ก็เห็นทางออกของ พ.ร.บ ปรองดองฯเหมือนกัน  แนวทางเดียวกันแน่นอน สรุปโดยรวม ทิศทางการเมืองของประเทศไทยตอนนี้ เป็นไปในแนวทางที่ถูกต้องแล้ว เป็นเรื่องลดความขัดแย้ง ถามความเห็นของประชาชนว่าอย่างไร นั่นคือข้อสรุป คำตอบสุดท้ายของแนวทางประชาธิปไตย คิดว่าการเมืองของเราจะไปได้อย่างไม่มีอุปสรรคต่อทิศทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ของประเทศ ประเทศไทยมีความหวัง มองเห็นทางสว่างข้างหน้าชัดเจน ไม่มืดบอดเหมือนที่ผ่านมา ที่เดินไปไหนก็ตัน เดินหน้า ถอยหลัง ก็ผิดไปหมด แต่ตอนนี้เดินหน้าทิศทางชัดเจนเห็นอนาคตสดใส

ผู้สื่อข่าวถามว่า กระบวนการทำประชามติมีขั้นตอนให้ความรู้โดยเจ้าหน้าที่รัฐ เป็นการเสี่ยงที่จะให้อำนาจปกครองมาครอบงำ หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า  ดีที่สุดควรเอาฝ่ายวิชาการที่ภาพกลางๆ  มาเป็นเจ้าภาพ ทำความเข้าใจประชาเสวนา  เวลา 1 เดือนสำหรับคณะทำงานที่จะศึกษาแล้วเข้า ครม.ประกาศในราชกิจจานุเบกษา มีเวลา 4 เดือนเป็นขั้นตอนตามกฎหมาย ทำประชามติ โดย กกต. เป็นเจ้าภาพ  ซึ่งฟันธงว่ามีคนออกมาค้านแน่นอน ก็บวกเวลาไปอีก1 เดือน รวมจะใช้เวลา 6 เดือน ดังนั้นจะไปจบที่เดือน มิ.ย. 2556 ช่วงปิดสมัยประชุม ดังนั้นสมัยประชุมต่อไป หากไม่มีปัญหาอะไรแทรกซ้อน  การลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระสาม  จะเป็นวันศุกร์แรกของเดือนส.ค. หมอดูฟันธง  เพราะฉะนั้นเวลา 6 เดือนมากพอที่จะทำประชาเสวนา ให้ทำอย่างจริงใจ เอาทุกตารางนิ้ว ไหนๆ จะเสียงเงิน 2 พันล้านอยู่แล้ว ทำให้ประชาชนเข้าใจจะได้เลิกทะเลาะ หากทำเป็นพิธี ไม่จบ ประชาชนไม่เข้าใจ มั่วกันอย่างที่เห็น หากทำอย่างลงลึก ครอบคลุมทุกตารางนิ้วทุกอย่างจบ

สำหรับบรรยากาศในงานดังกล่าว นอกจากเป็นการการบรรยายพิเศษของประธานรัฐสภาแล้ว ได้ารเลี้ยงอาหารว่าง และอาหารกลางวันเป็นแบบบุฟเฟ่ต์   ทั้งนี้นายสมศักดิ์ ได้มอบของที่ระลึกให้กับข้าราชการ สื่อมลวชนผู้ที่มาร่วมงาน  เป็นสมุดบันทึก ที่มีเครื่องคิดเลขใจตัว หน้าปก มีภาพสเก๊ตของนายสมศักดิ์และข้อความว่า “ถ้าเราสามารถทำให้ประชาชนทั้งประเทศ เข้าใจถึงหลักประชาธิปไตยแล้ว การปฏิวัติคงหมดยุคสมัย” และมีการแจกของที่ระลึกของนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาฯ คนที่ 2 ซึ่งเป็น สมุดบันทึก  เช่นกัน

0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources