ที่พรรคประชาธิปัตย์ วันนี้(20ธ.ค.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์
ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์
แถลงถึงกรณีที่รัฐบาลได้ยืดเวลาการทำประชามติออกไปเพราะกลัวจะไม่ราบรื่น
ว่า
ยืนยันว่าในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์จะไม่อะไรให้การทำประชามติเกิดความ
วุ่นวาย และไม่ว่ารัฐบาลจะทำประชามติ วันนี้หรือ
หลังจากคณะทำงานที่รัฐบาลตั้งขึ้นมาเพื่อศึกษาการทำประชามติดำเนินการเสร็จ
สิ้น พรรคประชาธิปัตย์
ก็จะสู้ตามกระบวนการของกฎหมายและรณรงค์จุดยืนของพรรคที่ไม่ต้องการให้มีการ
แก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อช่วย เหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
อดีตนายกรัฐมนตรีและผู้ที่เกี่ยวข้อง
นายองอาจ ยังกล่าวอีกว่า การที่ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย ระบุว่าการไม่ออกไปใช้สิทธิลงเสียงประชามติไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งข้อเท็จจริง การออกเสียงประชามติ ถือเป็นสิทธิไม่ใช้หน้าที่ ตามรัฐธรรมนูญ จึงอยากให้นายจารุพงศ์ เข้าใจประเด็นในการ ปกครองในระบอบประชาธิปไตย มีพระมหากษัตริย์ เป็นประมุขให้ถ่องแท้กว่านี้ และไม่ควรคิดว่าประชาธิปไตยต้องเดินทางที่เพื่อไทยต้องการ ส่วนที่นายจารุพงศ์ ได้มอบนโยบายให้กับข้าราชการกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับการทำเวทีประชาสานเสวนา และได้ใช้ถ้อยคำที่ดูถูกประชาชน โดยระบุว่าพวกที่โง่ไม่ต้องเข้าร่วมเวทีประชาเสวนานั้น ตนคิดว่าประชาชนทุกคนสามารถเข้าเวทีดังกล่าวได้ และไม่อยากให้รัฐบาลมองคนที่ไม่ออกมาใช้สิทธิ ออกเสียงประชามติว่าเป็นคนโง่ เพราะประชาธิปไตยเห็นต่างกันได้ ทั้งนี้จากเวทีดังกล่าวอย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ เพราะหากรัฐบาลดำเนินการไปตามกฎหมายก็ไม่น่ามีผลกระทบอะไร แต่มีความกังวลว่ารัฐบาลอาจใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ชอบ เพื่อบรรลุความต้องการ
นายองอาจ กล่าวต่อว่า ส่วนที่นายจารุพงศ์ กล่าวหาว่าการที่พรรคประชาธิปัตย์ ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะต้องการอุ้มรัฐธรรมนูญเผด็จการ นั้น เห็นว่าเป็นการพูดความจริงไม่หมดเพราะแม้ว่ารัฐธรรมนูญปี 50 แม้จะเกิดหลังรัฐประหาร แต่ก็เป็นรัฐธรรมนูญที่มีการทำประชามติและถือว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่มาจาก ประชาชน ดังนั้นจึงอยากให้รัฐบาลมีความชัดเจนในเรื่องเหล่านี้ด้วย “รัฐบาลมักบอกว่า การแก้ไขรัฐธรรมครั้งนี้เป็นไปตามที่ได้หาเสียงไว้ แต่พรรคเพื่อไทยยังมีอีกหลายเรื่องที่หาเสียงไว้แต่ยังไม่ได้ทำ ดังนั้นที่อ้างว่าต้องทำเพราะหาเสียงไว้จึงไม่เป็นความจริง และพรรคประชาธิปัตย์จะตามอย่างใกล้ชิดว่ารัฐบาลจะดำเนินการออกแบบประชามติ อย่างไร หรือจะเดินหน้าต่อไปหรือไม่ เพราะที่ผ่านมารัฐบาลมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และความพยายามของพรรคเพื่อไทยที่จะแก้ทั้งฉบับก็ไม่ได้ทำอย่างตรงไปตรงมาแต่ มีนัยยะแอบแฝง” นายองอาจ กล่าว
นายองอาจ ยังกล่าวอีกว่า การที่ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย ระบุว่าการไม่ออกไปใช้สิทธิลงเสียงประชามติไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งข้อเท็จจริง การออกเสียงประชามติ ถือเป็นสิทธิไม่ใช้หน้าที่ ตามรัฐธรรมนูญ จึงอยากให้นายจารุพงศ์ เข้าใจประเด็นในการ ปกครองในระบอบประชาธิปไตย มีพระมหากษัตริย์ เป็นประมุขให้ถ่องแท้กว่านี้ และไม่ควรคิดว่าประชาธิปไตยต้องเดินทางที่เพื่อไทยต้องการ ส่วนที่นายจารุพงศ์ ได้มอบนโยบายให้กับข้าราชการกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับการทำเวทีประชาสานเสวนา และได้ใช้ถ้อยคำที่ดูถูกประชาชน โดยระบุว่าพวกที่โง่ไม่ต้องเข้าร่วมเวทีประชาเสวนานั้น ตนคิดว่าประชาชนทุกคนสามารถเข้าเวทีดังกล่าวได้ และไม่อยากให้รัฐบาลมองคนที่ไม่ออกมาใช้สิทธิ ออกเสียงประชามติว่าเป็นคนโง่ เพราะประชาธิปไตยเห็นต่างกันได้ ทั้งนี้จากเวทีดังกล่าวอย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ เพราะหากรัฐบาลดำเนินการไปตามกฎหมายก็ไม่น่ามีผลกระทบอะไร แต่มีความกังวลว่ารัฐบาลอาจใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ชอบ เพื่อบรรลุความต้องการ
นายองอาจ กล่าวต่อว่า ส่วนที่นายจารุพงศ์ กล่าวหาว่าการที่พรรคประชาธิปัตย์ ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะต้องการอุ้มรัฐธรรมนูญเผด็จการ นั้น เห็นว่าเป็นการพูดความจริงไม่หมดเพราะแม้ว่ารัฐธรรมนูญปี 50 แม้จะเกิดหลังรัฐประหาร แต่ก็เป็นรัฐธรรมนูญที่มีการทำประชามติและถือว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่มาจาก ประชาชน ดังนั้นจึงอยากให้รัฐบาลมีความชัดเจนในเรื่องเหล่านี้ด้วย “รัฐบาลมักบอกว่า การแก้ไขรัฐธรรมครั้งนี้เป็นไปตามที่ได้หาเสียงไว้ แต่พรรคเพื่อไทยยังมีอีกหลายเรื่องที่หาเสียงไว้แต่ยังไม่ได้ทำ ดังนั้นที่อ้างว่าต้องทำเพราะหาเสียงไว้จึงไม่เป็นความจริง และพรรคประชาธิปัตย์จะตามอย่างใกล้ชิดว่ารัฐบาลจะดำเนินการออกแบบประชามติ อย่างไร หรือจะเดินหน้าต่อไปหรือไม่ เพราะที่ผ่านมารัฐบาลมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และความพยายามของพรรคเพื่อไทยที่จะแก้ทั้งฉบับก็ไม่ได้ทำอย่างตรงไปตรงมาแต่ มีนัยยะแอบแฝง” นายองอาจ กล่าว
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น