วันนี้(22 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการหารือกับนางชีค ฮาสินา
นายกรัฐมนตรีบังกลาเทศ
ระหว่างการเยือนสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศอย่างเป็นทางการ เมื่อเวลา 11.30
น. ตามเวลาท้องถิ่นนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
ได้ย้ำความสำคัญของบังกลาเทศในฐานะมิตรประเทศของไทยในเอเชียใต้
พร้อมแสดงความขอบคุณสำหรับเงินช่วยเหลืออุทกภัยแก่ไทยมูลค่า 1
ล้านเหรียญสหรัฐ (ซึ่งนับเป็นจำนวนมากที่สุดในกลุ่มเอเชียใต้)
อันแสดงถึงไมตรีจิตที่ดีต่อประเทศไทย และ
ยังได้ขอบคุณรัฐบาลบังกลาเทศที่ถวายการต้อนรับสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี ครั้งเสด็จเยือนบังกลาเทศ อย่างสมพระเกียรติ
นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาทางการเมือง
และเศรษฐกิจของสองประเทศ
ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ย้ำเสถียรภาพทางการเมืองไทยภายหลังการเลือกตั้งและการ
สร้างความสมานฉันท์ในประเทศและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ซึ่งในปีนี้
ไทยมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ ร้อยละ 5.5 คาดการณ์การเติบโตที่ร้อยละ 5.6
ในปี 2556 ขณะที่บังกลาเทศมีระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ร้อยละ 6-7
ทั้งสองประเทศจึงมีศักยภาพที่จะขยายตลาดและส่งเสริมความร่วมมือด้านการลงทุน
ระหว่างกันเพิ่มขึ้น
พร้อมกับได้ตั้งเป้ามูลค่าการค้าระหว่างกันอีกเท่าตัวภายในปี 2559
นายกรัฐมนตรี ยังได้เสนอให้บังกลาเทศพิจารณาไทยเป็นประตูการค้าสู่อาเซียน โดยบังกลาเทศจะเป็นประตูสำหรับสินค้าไทยในเอเชียใต้ด้วยเช่นกัน สำหรับประเด็นเรื่องข้าว รัฐบาลบังกลาเทศได้แสดงความสนใจที่จะซื้อข้าวจากไทย ตามที่ฝ่ายไทยเสนอ ซึ่งเป็นไปตามที่ได้ลงนามไว้ในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ซึ่งรัฐบาลไทยตกลงที่จะขายข้าวและรัฐบาลบังกลาเทศตกลงที่จะซื้อข้าวไม่เกิน ปีละ 1 ล้านตัน เป็นเวลา 3 ปี (2554-2556) โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องจะขยายอายุของ MOU ดังกล่าวไปอีก 3 ปี ส่วนด้านการลงทุน ฝ่ายบังกลาเทศแสดงความประสงค์ให้นักลงทุนไทยเข้ามาลงทุนในสาขาต่าง ๆ มากขึ้น ซึ่งตรงกับความต้องการของนักลงทุนไทย โดยเฉพาะการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน การแปรรูปอาหาร การผลิตกระแสไฟฟ้าและพลังงาน
นอกจากนี้ บังกลาเทศยินดีสนับสนุนภาคเอกชนไทยลงทุนการพัฒนาและจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในเขตเศรษฐกิจพิเศษของบังกลาเทศด้วย
จากนั้นนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการหารือกับนายกรัฐมนตรีบังกลาเทศ ว่า ทั้งสองประเทศเห็นพ้องความร่วมมือด้านการประมง การเกษตร การเชื่อมต่อเส้นทางระนอง ทวายและจิตตะกอง ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เนื่องจากในแต่ละปีชาวบังกลาเทศได้มาพักรักษาตัวในประเทศไทยจำนวนมาก จึงจะแลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการ การแพทย์และเภสัชศาสตร์ โดยจะตั้งคณะทำงานดำเนินการในรายละเอียดเรื่องนี้โดยเฉพาะ และทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องความร่วมมือ ด้านการค้า การลงทุน โดยจะร่วมกันลดปัญหาและอุปสรรคที่มีต่อการลงทุน ความร่วมมือด้านแรงงาน ซึ่งจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการลงทุนในอนาคต.
นายกรัฐมนตรี ยังได้เสนอให้บังกลาเทศพิจารณาไทยเป็นประตูการค้าสู่อาเซียน โดยบังกลาเทศจะเป็นประตูสำหรับสินค้าไทยในเอเชียใต้ด้วยเช่นกัน สำหรับประเด็นเรื่องข้าว รัฐบาลบังกลาเทศได้แสดงความสนใจที่จะซื้อข้าวจากไทย ตามที่ฝ่ายไทยเสนอ ซึ่งเป็นไปตามที่ได้ลงนามไว้ในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ซึ่งรัฐบาลไทยตกลงที่จะขายข้าวและรัฐบาลบังกลาเทศตกลงที่จะซื้อข้าวไม่เกิน ปีละ 1 ล้านตัน เป็นเวลา 3 ปี (2554-2556) โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องจะขยายอายุของ MOU ดังกล่าวไปอีก 3 ปี ส่วนด้านการลงทุน ฝ่ายบังกลาเทศแสดงความประสงค์ให้นักลงทุนไทยเข้ามาลงทุนในสาขาต่าง ๆ มากขึ้น ซึ่งตรงกับความต้องการของนักลงทุนไทย โดยเฉพาะการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน การแปรรูปอาหาร การผลิตกระแสไฟฟ้าและพลังงาน
นอกจากนี้ บังกลาเทศยินดีสนับสนุนภาคเอกชนไทยลงทุนการพัฒนาและจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในเขตเศรษฐกิจพิเศษของบังกลาเทศด้วย
จากนั้นนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการหารือกับนายกรัฐมนตรีบังกลาเทศ ว่า ทั้งสองประเทศเห็นพ้องความร่วมมือด้านการประมง การเกษตร การเชื่อมต่อเส้นทางระนอง ทวายและจิตตะกอง ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เนื่องจากในแต่ละปีชาวบังกลาเทศได้มาพักรักษาตัวในประเทศไทยจำนวนมาก จึงจะแลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการ การแพทย์และเภสัชศาสตร์ โดยจะตั้งคณะทำงานดำเนินการในรายละเอียดเรื่องนี้โดยเฉพาะ และทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องความร่วมมือ ด้านการค้า การลงทุน โดยจะร่วมกันลดปัญหาและอุปสรรคที่มีต่อการลงทุน ความร่วมมือด้านแรงงาน ซึ่งจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการลงทุนในอนาคต.
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น