วันนี้ (25 ต.ค.) ที่ห้องพิจารณา 905 ศาลอาญา
ถนนรัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีจ้างวานฆ่า
พญ.นิชรี มะกรสาร อดีตวิสัญญีแพทย์ รพ.จุฬาฯ หมายเลขดำ ด.2166/40
หมายเลขแดง ด.2039/47พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 2
เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายธนศักดิ์ หรือใหม่ ยิ้มดี อายุ 35 ปี, นายสราวุธ
หรือตั๊ก ไชยสิงห์ อายุ 34 ปี, นายชัชพัฒน์ หรือเซ้ง กิตตธนากร
(เสียชีวิตศาลสั่งจำหน่ายคดี) นายวิเชียร หรือม่อน กิตติธนากร อายุ 47 ปี
และนายสุขุม เชิดชื่น อดีต สมาชิกวุฒิสภา อายุ 50 ปี เป็นจำเลยที่ 1 -
5 ตามลำดับในความผิดฐานจ้าง วาน ใช้ และร่วมกันฆ่า พญ.นิชรี มะกรสาร
อดีตวิสัญญีแพทย์ รพ.จุฬาฯ โดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน , กระทำผิด
พ.ร.บ.อาวุธปืน ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม ฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 25 มี.ค.
40 ระบุความผิดสรุปว่า
เมื่อระหว่างวันที่ 15–25 ต.ค. 39 ต่อเนื่องกัน จำเลยที่ 3 และ 5 ร่วมกันจ้างวานใช้ให้จำเลยที่ 1 , 2 และ4 ร่วมกันฆ่าผู้ตาย ด้วยเงินค่าจ้างจำนวน 500,000 บาท กระทั่งวันที่ 25 ต.ค. 39 เวลา 05.30 น. จำเลยที่ 1 , 2 และ 4 ร่วมกันใช้อาวุธปืนสั้นออโตเมติกไม่มีทะเบียน ขนาด 11 ม.ม. พร้อมเครื่องกระสุนจำนวน 18 นัดของจำเลยที่ 3 ไปใช้ยิง พญ.นิชรี จำนวน 5 นัด จนถึงแก่ความตายขณะขับรถยนต์ออกจากบ้านพักย่านห้วยขวาง สาเหตุมาจากนายสุขุม จำเลยที่ 5 มีความขัดแย้งกับผู้ตายเกี่ยวกับเรื่องการบริหารโรงเรียนเอกชนแห่ง หนึ่ง เนื่องจากผู้ตาย สั่งปลดจำเลยที่ 5 ออกจากตำแหน่งผู้จัดการโรงเรียน กระทั่งเกิดเป็นคดีความฟ้องร้องกันทั้งในทางแพ่งและทางอาญาหลายคดี นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่แม่ผู้ตายถูกจำเลยที่ 5 หลอกลวงให้มอบเงินจำนวน 200 ล้านบาท ไปซื้อที่ดิน อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เนื้อที่ 100 ไร่ เพื่อทำสนามกอล์ฟทั้งที่ผู้ตายและบิดาคัดค้าน รวมทั้งเรื่องการขัดธุรกิจบริษัทค้าขายรถยนต์และรถจักรยานยนต์มือสอง และรับทวงหนี้ จำเลยที่ 1 , 2 และ 4 ให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนแต่กลับให้การปฏิเสธในชั้นศาล ส่วนจำเลยที่ 5 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 7 ก.ค. 47 ว่า จำเลยที่ 1 , 2 และ 4 กระทำผิดหลายกรรม ให้ลงโทษทุกกรรมฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน และ พ.ร.บ.อาวุธปืน พิพากษาให้ประหารชีวิตจำเลยที่ 1 , 2 และ 4 แต่คำให้การ ในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 1 , 2 และ4 ไว้ตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่ 5 มีความผิดฐานจ้างวานใช้ให้ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามมาตรา 289 อนุ 4 ประกอบมาตรา 84 เสมือนเป็นตัวการในการฆ่า ให้ลงโทษประหารชีวิตสถานเดียว ต่อมาจำเลยที่ 1 , 2 , 4 และ 5 อุทธรณ์ โดยศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน จำเลยที่ 2 , 4 และ 5 ยื่นฎีกา ขอให้ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันโดยละเอียดแล้วข้อเท็จจริงรับฟัง ได้ว่า นายสุขุม จำเลยที่ 5 ได้จ้างวานให้ จ.ส.อ.เมตตา เต็มชำนาญ (ยศขณะนั้น) และนายมงคล หรือหมง นกทอง ไปฆ่าผู้ตายถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรกที่โรงแรมเอเซีย ในงานครบรอบ 50 ปี โรงเรียน และครั้งที่ 2 ที่โรงเรียนเอกชนที่ผู้ตายเป็นเจ้าของ แต่ทั้งสองคนไม่รับงาน จำเลยที่ 5 จึงไปจ้างให้จำเลยที่ 3 จ้างจำเลยที่ 1 , 2 และ 4 ฆ่าผู้ตาย ส่วนเหตุที่จำเลยที่ 5 จ้างวานฆ่าผู้ตาย เนื่องมาจากความขัดแย้งในการทำธุรกิจร่วมกัน รวมทั้งการ บริหารโรงเรียน และการที่จำเลยที่ 5 ได้ฉ้อฉลนางฉลวย มะกรสาร เกี่ยวกับการซื้อขายที่ดิน ที่ อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี จำนวน 100 ไร่ ราคาประมาณ 200 ล้านบาท นับเป็นสาเหตุร้ายแรงที่จำเลยที่ 5 จ้างฆ่าผู้ตาย
นอกจากนี้คำรับสารภาพของจำเลยอื่น ๆ ในชั้นจับกุมที่ให้การรับสารภาพต่อหน้านายเสนาะ เทียนทอง รมว.มหาดไทยขณะนั้น และนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ล้วนมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ให้รับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัย ส่วนที่นายมงคล หรือ หมง นกทอง กลับคำให้การ มาเบิกความว่า จำเลยที่ 5 ไม่เคยติดต่อให้ฆ่าผู้ตายนั้น ก็เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อช่วยเหลือให้จำเลยที่ 5 พ้นจากความผิด จึงไม่มีน้ำหนักมาหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ฎีกาจำเลยที่ 2 , 4 และ 5 ฟังไม่ขึ้น คำพิพากษาที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย พิพากษายืน
ภายหลังฟังคำพิพากษาศาลฎีกา นายสุขุม เชิดชื่น จำเลยคนสำคัญในคดีนี้ กล่าว สั้น ๆ ยืนยันว่า ไม่ได้กระทำผิด เพราะหากกระทำจริงก็คงจะหลบหนีไปต่างประเทศแล้ว โดยไม่ต้องเสียเวลาต่อสู้คดีนาน หลังจากนี้จะปรึกษากับทนายความขอพระทานอภัยโทษภายใน 60 วันด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้นายสุขุม ถูกเบิกตัวจากเรือนจำกลางบางขวาง โดยมีบุตรชาย2คน และญาติสนิทมิตรสหายประมาณ 20 คน มาให้กำลังใจ และเมื่อฟังคำพิพากษาของศาลแล้วต่างก็มีอาการซึมเศร้า สำหรับนายธนศักดิ์ หรือใหม่ ยิ้มดี จำเลยที่ 1 ยอมรับโทษจำคุกตลอดชีวิต คดีจึงถึงที่สุดแล้วตั้งแต่ชั้นศาลอุทธรณ์ โดยไม่ยื่นฎีกาแต่อย่างใด
เมื่อระหว่างวันที่ 15–25 ต.ค. 39 ต่อเนื่องกัน จำเลยที่ 3 และ 5 ร่วมกันจ้างวานใช้ให้จำเลยที่ 1 , 2 และ4 ร่วมกันฆ่าผู้ตาย ด้วยเงินค่าจ้างจำนวน 500,000 บาท กระทั่งวันที่ 25 ต.ค. 39 เวลา 05.30 น. จำเลยที่ 1 , 2 และ 4 ร่วมกันใช้อาวุธปืนสั้นออโตเมติกไม่มีทะเบียน ขนาด 11 ม.ม. พร้อมเครื่องกระสุนจำนวน 18 นัดของจำเลยที่ 3 ไปใช้ยิง พญ.นิชรี จำนวน 5 นัด จนถึงแก่ความตายขณะขับรถยนต์ออกจากบ้านพักย่านห้วยขวาง สาเหตุมาจากนายสุขุม จำเลยที่ 5 มีความขัดแย้งกับผู้ตายเกี่ยวกับเรื่องการบริหารโรงเรียนเอกชนแห่ง หนึ่ง เนื่องจากผู้ตาย สั่งปลดจำเลยที่ 5 ออกจากตำแหน่งผู้จัดการโรงเรียน กระทั่งเกิดเป็นคดีความฟ้องร้องกันทั้งในทางแพ่งและทางอาญาหลายคดี นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่แม่ผู้ตายถูกจำเลยที่ 5 หลอกลวงให้มอบเงินจำนวน 200 ล้านบาท ไปซื้อที่ดิน อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เนื้อที่ 100 ไร่ เพื่อทำสนามกอล์ฟทั้งที่ผู้ตายและบิดาคัดค้าน รวมทั้งเรื่องการขัดธุรกิจบริษัทค้าขายรถยนต์และรถจักรยานยนต์มือสอง และรับทวงหนี้ จำเลยที่ 1 , 2 และ 4 ให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนแต่กลับให้การปฏิเสธในชั้นศาล ส่วนจำเลยที่ 5 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 7 ก.ค. 47 ว่า จำเลยที่ 1 , 2 และ 4 กระทำผิดหลายกรรม ให้ลงโทษทุกกรรมฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน และ พ.ร.บ.อาวุธปืน พิพากษาให้ประหารชีวิตจำเลยที่ 1 , 2 และ 4 แต่คำให้การ ในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 1 , 2 และ4 ไว้ตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่ 5 มีความผิดฐานจ้างวานใช้ให้ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามมาตรา 289 อนุ 4 ประกอบมาตรา 84 เสมือนเป็นตัวการในการฆ่า ให้ลงโทษประหารชีวิตสถานเดียว ต่อมาจำเลยที่ 1 , 2 , 4 และ 5 อุทธรณ์ โดยศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน จำเลยที่ 2 , 4 และ 5 ยื่นฎีกา ขอให้ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันโดยละเอียดแล้วข้อเท็จจริงรับฟัง ได้ว่า นายสุขุม จำเลยที่ 5 ได้จ้างวานให้ จ.ส.อ.เมตตา เต็มชำนาญ (ยศขณะนั้น) และนายมงคล หรือหมง นกทอง ไปฆ่าผู้ตายถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรกที่โรงแรมเอเซีย ในงานครบรอบ 50 ปี โรงเรียน และครั้งที่ 2 ที่โรงเรียนเอกชนที่ผู้ตายเป็นเจ้าของ แต่ทั้งสองคนไม่รับงาน จำเลยที่ 5 จึงไปจ้างให้จำเลยที่ 3 จ้างจำเลยที่ 1 , 2 และ 4 ฆ่าผู้ตาย ส่วนเหตุที่จำเลยที่ 5 จ้างวานฆ่าผู้ตาย เนื่องมาจากความขัดแย้งในการทำธุรกิจร่วมกัน รวมทั้งการ บริหารโรงเรียน และการที่จำเลยที่ 5 ได้ฉ้อฉลนางฉลวย มะกรสาร เกี่ยวกับการซื้อขายที่ดิน ที่ อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี จำนวน 100 ไร่ ราคาประมาณ 200 ล้านบาท นับเป็นสาเหตุร้ายแรงที่จำเลยที่ 5 จ้างฆ่าผู้ตาย
นอกจากนี้คำรับสารภาพของจำเลยอื่น ๆ ในชั้นจับกุมที่ให้การรับสารภาพต่อหน้านายเสนาะ เทียนทอง รมว.มหาดไทยขณะนั้น และนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ล้วนมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ให้รับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัย ส่วนที่นายมงคล หรือ หมง นกทอง กลับคำให้การ มาเบิกความว่า จำเลยที่ 5 ไม่เคยติดต่อให้ฆ่าผู้ตายนั้น ก็เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อช่วยเหลือให้จำเลยที่ 5 พ้นจากความผิด จึงไม่มีน้ำหนักมาหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ฎีกาจำเลยที่ 2 , 4 และ 5 ฟังไม่ขึ้น คำพิพากษาที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย พิพากษายืน
ภายหลังฟังคำพิพากษาศาลฎีกา นายสุขุม เชิดชื่น จำเลยคนสำคัญในคดีนี้ กล่าว สั้น ๆ ยืนยันว่า ไม่ได้กระทำผิด เพราะหากกระทำจริงก็คงจะหลบหนีไปต่างประเทศแล้ว โดยไม่ต้องเสียเวลาต่อสู้คดีนาน หลังจากนี้จะปรึกษากับทนายความขอพระทานอภัยโทษภายใน 60 วันด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้นายสุขุม ถูกเบิกตัวจากเรือนจำกลางบางขวาง โดยมีบุตรชาย2คน และญาติสนิทมิตรสหายประมาณ 20 คน มาให้กำลังใจ และเมื่อฟังคำพิพากษาของศาลแล้วต่างก็มีอาการซึมเศร้า สำหรับนายธนศักดิ์ หรือใหม่ ยิ้มดี จำเลยที่ 1 ยอมรับโทษจำคุกตลอดชีวิต คดีจึงถึงที่สุดแล้วตั้งแต่ชั้นศาลอุทธรณ์ โดยไม่ยื่นฎีกาแต่อย่างใด
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น