ความคืบหน้าการชุมนุมในช่วงบ่ายวันที่ 28 ต.ค. ขององค์กรพิทักษ์สยาม
ที่สนามม้านางเลิ้ง นายพิเชษฐ์ พัฒนโชติ อดีตรองประธานวุฒิสภา นายณรงค์
เพ็ชรประเสริฐ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายเสรี
วงศ์มณฑา นักวิชาการอิสระขึ้นกล่าวปราศรัยโจมตีนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาล
โดยเฉพาะนโยบายจำนำข้าว
และกรณีรัฐบาลปล่อยให้มีการจาบจ้วงสถาบันเป็นประเด็นหลักในการปราศรัย
จากนั้นเมื่อเวลา 17.00น. พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ อดีตประธานที่ปรึกษากองบัญชาการกองทัพไทยขึ้นกล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า ขอให้ความมั่นใจว่ากองทัพและทหารยืนอยู่ข้างพวกเรา เมื่อเห็นภาพพวกเรามากันในวันนี้ มั่นใจและเชื่อมั่นเสมอว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ยังมีความจงรักภักดีไม่เสื่อมคลาย จึงมั่นใจว่ากองทัพจะไปกับพวกเรา เมื่อพวกเราต้องการกู้ชาติ ทั้งนี้สนามม้าแห่งนี้เคยเป็นสภาสนามม้ามาแล้ว ใครก็ตามที่ไปพูดว่าเป็นสถานที่อโคจร ๆ คนๆ นั้นถือว่าเป็นพวกไม่รักชาติ
ขณะที่ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีต สนช. กล่าวว่า ขอพูดความรู้สึกในใจเมื่อก้าวเข้ามาในสนามม้านางเลิ้งแห่งนี้ ในช่วงหลังเหตุการณ์ 14 ต.ค.2516 สนามม้าแห่งนี้เคยเป็นสภาประชาชนที่มีประชาชนมารวมตัวกันเพื่อแก้ไขปัญหา บ้านเมืองและตนเป็นหนึ่งในนั้น ทั้งนี้ตนมาตามคำเชิญของ พล.อ.บุญเลิศ ไม่ได้คลานมาหา พล.อ.บุญเลิศ เหมือนคนบางคน พล.อ.บุญเลิศติดต่อพูดคุยอยากให้มาร่วมด้วย ตนก็มาร่วมด้วยความยินดี เพราะรู้จัก พล.อ.บุญเลิศมานาน วันนี้สภาประชาชนกำลังจะเกิดขึ้นเป็นรอบที่ 2 อยากให้เป็นสภาประชาชนที่จะช่วยกันคิดว่าบ้านเมืองจะเป็นอย่างไรต่อไป โดยไม่มีนักการเมืองทำร้ายประเทศชาติ
น.ต.ประสงค์ กล่าวอีกว่า เวลานี้ประเทศไทยเกิดวิกฤตที่สุดใน 5 ด้าน คือ 1.วิกฤติด้านเศรษฐกิจของแพงขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ซึ่งเกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2544 ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีได้อำนาจรัฐ มีการแปลงทุนให้เป็นของเศรษฐีแปลงหนี้ให้ชาวบ้าน 2.วิกฤตทางสังคมและระบบราชการ เกิดมาในหลายยุคหลายสมัยไม่เคยเห็นความแตกแยกเกิดขึ้นเท่าในยุคนี้ เพราะมีนักการเมืองไปหลอกประชาชนว่าฝ่ายหนึ่งดีส่วนอีกฝ่ายเป็นคนไม่ดี 3.วิกฤตทางด้านความมั่นคงของชาติ โดยเฉพาะปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา และปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
4.วิกฤตด้านการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งระบบนิติรัฐและนิติธรรมไม่มีอยู่อีกแล้ว อยู่ที่ใครเป็นพวกใคร ที่ไม่ใช่พวกก็ถูกยัดเยียข้อกล่าวหา แต่หน่วยงานที่มีหน้าที่ตามกฎหมายกลับไม่ทำหน้าที่ของตัวเอง วันนี้มีนักโทษหนีคุกหลบหนีอยู่ก็ไม่ดำเนินการ อ้างเพียงแต่ว่าไม่รู้อยู่ไหน แต่กลับมีการเดินทางไปพบกันที่ต่างประเทศและก็มาบอกว่าไม่ได้ไป และ 5.วิกฤตภาวะผู้นำของประเทศ ตั้งแต่เกิดมาตนก็เพิ่งเคยเห็นผู้นำแบบนี้ ที่ความรู้และประสบการณ์ทางการเมืองตนกล้าบอกว่าไม่รู้เรื่องเลย เอะอะอะไรก็บอกหนูไม่รู้อย่างเดียว
“ทั้ง 5 วิกฤตนี้เราต้องหาทางแก้ไข โดยแนวทางของเราคือการยึดกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ทรงให้ไว้ คือสนับสนุนคนดีให้เข้ามาทำงานแทนคนไม่ดี จึงอยากเสนอให้ประชาชนรวมตัวกันตั้งกรรมการขึ้นมาช่วยกันคิดและปรึกษาหารือ เฟ้นหาคนดีเสนอให้กับกลุ่มองค์กรพิทักษ์สยาม และเครือข่าย เพื่อหาคนดีมาทำงานแทนคนไม่ดี ทั้งนี้ผมอยากเสนอให้ทุกคนทำป้ายไปติดที่หน้าทำเนียบกับรัฐสภาว่าที่นี่เป็น เขตอำนาจของประชาชนนักการเมืองทุรชนห้ามเข้าด้วย ส่วนที่มีการพูดถึงแผน 5 ขั้นในการล้มรัฐบาลนั้น ผมเห็นว่า 5 ขั้นมันมากไป ขอ 2 ขั้นก็พอ แต่ถ้าขั้นเดียวได้ก็ยิ่งดี ” น.อ.ประสงค์กล่าว
ต่อมาเมื่อเวลา 18.12 น. พล.อ.บุญเลิศ ได้ขึ้นมากล่าวปิดเวทีปราศรัยโดยระบุว่า ขอประกาศให้พี่น้องทราบว่าในวันนี้มีพี่น้องประชาชนมาร่วมลงชื่อที่ชัดเจน 2 หมื่นรายชื่อ ซึ่งมากกว่าที่รัฐบาลประเมินไว้ ทั้งนี้ พล.อ.บุญเลิศ ยังได้ถามฉันทามติของประชาชนว่าในการชุมนุมครั้งนี้พอใจ ถูกใจหรือเห็นด้วยหรือไม่ ซึ่งทุกคนตอบกลับด้วยเสียงกึกก้องว่าพอใจ ถูกใจและเห็นด้วย ทำให้ พล.อ.บุญเลิศ กล่าวกับประชาชนว่า ถ้าเป็นเช่นนั้น ขอให้กลับไปเอาพรรคพวกพี่น้องออกมาเพิ่มอีกคนละ 100 คน ให้มีจำนวนเป็นร้อยเป็นหมื่นหรือหนึ่งล้านคน เพื่อเป็นพลังในการขับไล่รัฐบาลในครั้งต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อ พล.อ.บุญเลิศ กล่าวจบได้มีการเปิดเพลงสรรเสริญพระบารมีก่อนจะสลายการชุมนุม และประชาชนผู้ชุมนุมต่างทยอยเดินทางแยกย้ายกันกลับ.
จากนั้นเมื่อเวลา 17.00น. พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ อดีตประธานที่ปรึกษากองบัญชาการกองทัพไทยขึ้นกล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า ขอให้ความมั่นใจว่ากองทัพและทหารยืนอยู่ข้างพวกเรา เมื่อเห็นภาพพวกเรามากันในวันนี้ มั่นใจและเชื่อมั่นเสมอว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ยังมีความจงรักภักดีไม่เสื่อมคลาย จึงมั่นใจว่ากองทัพจะไปกับพวกเรา เมื่อพวกเราต้องการกู้ชาติ ทั้งนี้สนามม้าแห่งนี้เคยเป็นสภาสนามม้ามาแล้ว ใครก็ตามที่ไปพูดว่าเป็นสถานที่อโคจร ๆ คนๆ นั้นถือว่าเป็นพวกไม่รักชาติ
ขณะที่ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีต สนช. กล่าวว่า ขอพูดความรู้สึกในใจเมื่อก้าวเข้ามาในสนามม้านางเลิ้งแห่งนี้ ในช่วงหลังเหตุการณ์ 14 ต.ค.2516 สนามม้าแห่งนี้เคยเป็นสภาประชาชนที่มีประชาชนมารวมตัวกันเพื่อแก้ไขปัญหา บ้านเมืองและตนเป็นหนึ่งในนั้น ทั้งนี้ตนมาตามคำเชิญของ พล.อ.บุญเลิศ ไม่ได้คลานมาหา พล.อ.บุญเลิศ เหมือนคนบางคน พล.อ.บุญเลิศติดต่อพูดคุยอยากให้มาร่วมด้วย ตนก็มาร่วมด้วยความยินดี เพราะรู้จัก พล.อ.บุญเลิศมานาน วันนี้สภาประชาชนกำลังจะเกิดขึ้นเป็นรอบที่ 2 อยากให้เป็นสภาประชาชนที่จะช่วยกันคิดว่าบ้านเมืองจะเป็นอย่างไรต่อไป โดยไม่มีนักการเมืองทำร้ายประเทศชาติ
น.ต.ประสงค์ กล่าวอีกว่า เวลานี้ประเทศไทยเกิดวิกฤตที่สุดใน 5 ด้าน คือ 1.วิกฤติด้านเศรษฐกิจของแพงขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ซึ่งเกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2544 ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีได้อำนาจรัฐ มีการแปลงทุนให้เป็นของเศรษฐีแปลงหนี้ให้ชาวบ้าน 2.วิกฤตทางสังคมและระบบราชการ เกิดมาในหลายยุคหลายสมัยไม่เคยเห็นความแตกแยกเกิดขึ้นเท่าในยุคนี้ เพราะมีนักการเมืองไปหลอกประชาชนว่าฝ่ายหนึ่งดีส่วนอีกฝ่ายเป็นคนไม่ดี 3.วิกฤตทางด้านความมั่นคงของชาติ โดยเฉพาะปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา และปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
4.วิกฤตด้านการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งระบบนิติรัฐและนิติธรรมไม่มีอยู่อีกแล้ว อยู่ที่ใครเป็นพวกใคร ที่ไม่ใช่พวกก็ถูกยัดเยียข้อกล่าวหา แต่หน่วยงานที่มีหน้าที่ตามกฎหมายกลับไม่ทำหน้าที่ของตัวเอง วันนี้มีนักโทษหนีคุกหลบหนีอยู่ก็ไม่ดำเนินการ อ้างเพียงแต่ว่าไม่รู้อยู่ไหน แต่กลับมีการเดินทางไปพบกันที่ต่างประเทศและก็มาบอกว่าไม่ได้ไป และ 5.วิกฤตภาวะผู้นำของประเทศ ตั้งแต่เกิดมาตนก็เพิ่งเคยเห็นผู้นำแบบนี้ ที่ความรู้และประสบการณ์ทางการเมืองตนกล้าบอกว่าไม่รู้เรื่องเลย เอะอะอะไรก็บอกหนูไม่รู้อย่างเดียว
“ทั้ง 5 วิกฤตนี้เราต้องหาทางแก้ไข โดยแนวทางของเราคือการยึดกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ทรงให้ไว้ คือสนับสนุนคนดีให้เข้ามาทำงานแทนคนไม่ดี จึงอยากเสนอให้ประชาชนรวมตัวกันตั้งกรรมการขึ้นมาช่วยกันคิดและปรึกษาหารือ เฟ้นหาคนดีเสนอให้กับกลุ่มองค์กรพิทักษ์สยาม และเครือข่าย เพื่อหาคนดีมาทำงานแทนคนไม่ดี ทั้งนี้ผมอยากเสนอให้ทุกคนทำป้ายไปติดที่หน้าทำเนียบกับรัฐสภาว่าที่นี่เป็น เขตอำนาจของประชาชนนักการเมืองทุรชนห้ามเข้าด้วย ส่วนที่มีการพูดถึงแผน 5 ขั้นในการล้มรัฐบาลนั้น ผมเห็นว่า 5 ขั้นมันมากไป ขอ 2 ขั้นก็พอ แต่ถ้าขั้นเดียวได้ก็ยิ่งดี ” น.อ.ประสงค์กล่าว
ต่อมาเมื่อเวลา 18.12 น. พล.อ.บุญเลิศ ได้ขึ้นมากล่าวปิดเวทีปราศรัยโดยระบุว่า ขอประกาศให้พี่น้องทราบว่าในวันนี้มีพี่น้องประชาชนมาร่วมลงชื่อที่ชัดเจน 2 หมื่นรายชื่อ ซึ่งมากกว่าที่รัฐบาลประเมินไว้ ทั้งนี้ พล.อ.บุญเลิศ ยังได้ถามฉันทามติของประชาชนว่าในการชุมนุมครั้งนี้พอใจ ถูกใจหรือเห็นด้วยหรือไม่ ซึ่งทุกคนตอบกลับด้วยเสียงกึกก้องว่าพอใจ ถูกใจและเห็นด้วย ทำให้ พล.อ.บุญเลิศ กล่าวกับประชาชนว่า ถ้าเป็นเช่นนั้น ขอให้กลับไปเอาพรรคพวกพี่น้องออกมาเพิ่มอีกคนละ 100 คน ให้มีจำนวนเป็นร้อยเป็นหมื่นหรือหนึ่งล้านคน เพื่อเป็นพลังในการขับไล่รัฐบาลในครั้งต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อ พล.อ.บุญเลิศ กล่าวจบได้มีการเปิดเพลงสรรเสริญพระบารมีก่อนจะสลายการชุมนุม และประชาชนผู้ชุมนุมต่างทยอยเดินทางแยกย้ายกันกลับ.
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น