ที่ห้องพิจารณา 813 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้
(30 ก.ค.) ศาลอ่านคำพิพากษาคดีความผิดต่อชีวิต อ.3252/2552
ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ฟ้อง ฟ้อง ด.ต.อังคาร คำมูลนา
อายุ 48 ปี ด.ต.สุดธินัน โนนทิง อายุ 43 ปี ด.ต.พรรณศิลป์ อุปนันท์ อายุ 42
ปี พ.ต.ท.สำเภา อินดี อายุ 51 ปี อดีต สวป.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ พ.ต.อ.มนตรี
ศรีบุญลือ อายุ 62 ปี อดีต ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ และ พ.ต.ท.สุมิตร
นันท์สถิต อายุ 45 ปี อดีต รอง ผกก. สภ.เมืองกาฬสินธุ์เป็นจำเลยที่ 1- 6
ตามลำดับในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
ย้ายศพเพื่อปิดบังเหตุแห่งการตาย
และเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญากระทำการในตำแหน่งอันเป็นการมิ
ชอบ เพื่อช่วยเหลือบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องรับโทษ
โดยอัยการโจทก์ยื่นฟ้องคดีเมื่อวันที่ 9 ก.ย.52 ระบุความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 22 ก.ค.47 จำเลยทั้งหมด โดยจำเลยที่ 1-3 และ จำเลยที่ 6 เป็นเจ้าพนักงานตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ร่วมกันเจตนาฆ่านายเกียรติศักดิ์ ถิตย์บุญครอง อายุ 17 ปี ผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์รถ จยย. ขณะนำตัวออกจาก สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ด้วยการบีบรัดคอจนขาดอากาศหายใจเสียชีวิต จากนั้นพวกจำเลย ได้ปิดบังเหตุแห่งการตายของนายเกียรติศักดิ์ โดยร่วมกันย้ายศพจากท้องที่เกิดเหตุ ไปแขวนคอไว้ที่กระท่อมนา บ้านบึงโดน หมู่ที่ 5 ต.แสนชาติ อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด
จากนั้น ระหว่างวันที่ 30 ก.ค. 47-27 เม.ย. 48 จำเลยที่ 4-6 ร่วมกันข่มขู่พยาน เพื่อให้การอันเป็นเท็จ โดยให้พยานระบุว่า ในวันที่ผู้ตายถูกทำร้ายยังพบเห็นผู้ตายที่ตลาดโต้รุ่ง เชื่อว่าพวกจำเลยไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง จำเลยทั้งหกให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายที่นำสืบหักล้างกันแล้ว เห็นว่า จำเลยที่ 1–3 กระทำผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลงโทษประหารชีวิต ฐานย้ายศพเพื่อปิดบังเหตุแห่งการตาย จำคุกคนละ 1 ปี เมื่อรวมโทษแล้วคงให้โทษประหารชีวิตจำเลยที่ 1-3 สถานเดียว ส่วนจำเลยที่ 5 กระทำผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญากระทำการในตำแหน่งอัน เป็นการมิชอบ เพื่อช่วยเหลือบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องรับโทษ ลงโทษจำคุก 7 ปี สำหรับจำเลยที่ 6 กระทำผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลงโทษ จำคุกตลอดชีวิต และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 4
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีฆ่าอำพรางศพคดีนี้พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นผู้ทำการสอบ สวน เนื่องจากญาติผู้เสียชีวิตร้องเรียนว่า การเสียชีวิตของนายเกียรติศักดิ์ อาจมีเงื่อนงำ ซึ่งคดีนี้เกิดขึ้นในช่วงที่รัฐบาลสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ประกาศสงครามกับยาเสพติด กระทั่งเกิดคดีในลักษณะของการฆ่าตัดตอนผู้ต้องหาคดียาเสพติดหลายคดี
โดยอัยการโจทก์ยื่นฟ้องคดีเมื่อวันที่ 9 ก.ย.52 ระบุความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 22 ก.ค.47 จำเลยทั้งหมด โดยจำเลยที่ 1-3 และ จำเลยที่ 6 เป็นเจ้าพนักงานตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ร่วมกันเจตนาฆ่านายเกียรติศักดิ์ ถิตย์บุญครอง อายุ 17 ปี ผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์รถ จยย. ขณะนำตัวออกจาก สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ด้วยการบีบรัดคอจนขาดอากาศหายใจเสียชีวิต จากนั้นพวกจำเลย ได้ปิดบังเหตุแห่งการตายของนายเกียรติศักดิ์ โดยร่วมกันย้ายศพจากท้องที่เกิดเหตุ ไปแขวนคอไว้ที่กระท่อมนา บ้านบึงโดน หมู่ที่ 5 ต.แสนชาติ อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด
จากนั้น ระหว่างวันที่ 30 ก.ค. 47-27 เม.ย. 48 จำเลยที่ 4-6 ร่วมกันข่มขู่พยาน เพื่อให้การอันเป็นเท็จ โดยให้พยานระบุว่า ในวันที่ผู้ตายถูกทำร้ายยังพบเห็นผู้ตายที่ตลาดโต้รุ่ง เชื่อว่าพวกจำเลยไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง จำเลยทั้งหกให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายที่นำสืบหักล้างกันแล้ว เห็นว่า จำเลยที่ 1–3 กระทำผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลงโทษประหารชีวิต ฐานย้ายศพเพื่อปิดบังเหตุแห่งการตาย จำคุกคนละ 1 ปี เมื่อรวมโทษแล้วคงให้โทษประหารชีวิตจำเลยที่ 1-3 สถานเดียว ส่วนจำเลยที่ 5 กระทำผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญากระทำการในตำแหน่งอัน เป็นการมิชอบ เพื่อช่วยเหลือบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องรับโทษ ลงโทษจำคุก 7 ปี สำหรับจำเลยที่ 6 กระทำผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลงโทษ จำคุกตลอดชีวิต และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 4
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีฆ่าอำพรางศพคดีนี้พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นผู้ทำการสอบ สวน เนื่องจากญาติผู้เสียชีวิตร้องเรียนว่า การเสียชีวิตของนายเกียรติศักดิ์ อาจมีเงื่อนงำ ซึ่งคดีนี้เกิดขึ้นในช่วงที่รัฐบาลสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ประกาศสงครามกับยาเสพติด กระทั่งเกิดคดีในลักษณะของการฆ่าตัดตอนผู้ต้องหาคดียาเสพติดหลายคดี
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น