วันนี้ ( 31 ส.ค.) ที่ห้องประชุมสารสิน บช.ภ.3 จ.นครราชสีมา พล.ต.ท.ภาณุ
เกิดลาภผล ผบช.ภ.3 สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมควบคุมตัว นายมั่น
พูลทรัพย์ อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาที่เข้ามอบตัวกับตำรวจภูธรภาค 3
ในคดียิงนายฟารุต ไทยเศรษฐ์ ลูกชาย ส.ส.ชาดา ไทยเศรษฐ์ เหตุเกิดเมื่อวันที่
20 ส.ค. ที่ถนนสายท่ามะปราง-วังน้ำเขียว บ้านคลองเดื่อ ต.หมูสี อ.ปากช่อง
จ.นครราชสีมา มาแถลงข่าวกับสื่อมวลชน โดยนายมั่น สวมเสื้อเชิ้ตลายทาง
สีฟ้าสลับชมพู ใส่เสื้อเกราะกันกระสุน มีสีหน้ากังวลตลอดเวลา
นายมั่น ยกมือไหว้เป็นการขอโทษผ่านสื่อมวลชนไปถึง นายชาดา ก่อนเปิดใจว่า "ผมกราบขอโทษจริง ๆ ผมไม่ได้ตั้งใจ” พร้อมเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดว่า ว่า ตนทำอาชีพคุมคนงานรับเหมาก่อสร้าง พักอาศัยในบ้านเช่าย่านใกล้เคียงกับร้านสะดวกซื้อ ที่กลุ่มของผู้ตายเข้าไปซื้อของในวันเกิดเหตุ รวมทั้งทำงานที่ อ.ปากช่อง มานาน 5 ปีแล้ว ก่อนจะเกิดเรื่องไม่กี่วัน ตนเตรียมจะเดินทางไปรับเหมางานที่กรุงเทพฯอยู่แล้ว ช่วงค่ำได้ไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มในย่านปาลิโอ-เขาใหญ่ ก่อนกลับนั่งดื่มสุรากับเพื่อน 2 คน กระทั่งเวลาประมาณ 4 ทุ่ม ตนขอเลิกวงเพื่อจะกลับบ้าน ก่อนจะขับกระบะคู่ใจเดินทางไปเพียงลำพังไปตามถนนท่ามะปราง-วังน้ำเขียว บ้าคลองเดื่อ ต.หมูสี
“ต่อมา ผมมาพบเจอกับรถโตโยต้า ปราโด้ ไม่รู้ว่าเป็นรถของลูกของนายชาดา จากนั้นผมเปิดไฟกระพริบ 2 ครั้ง เพื่อส่งสัญญาณว่าจะแซง พร้อมกับเปิดไฟเลี้ยวขวาและเร่งเครื่องแซงขึ้นมาที่ช่องทางขวาทันที พอขับรถแซงจนสำเร็จก็มาเจอรถอีกคันวิ่งขวางหน้าอยู่ ผมจึงเปิดไฟเลี้ยวซ้ายเพื่อจะตบรถเข้าซ้ายอีกครั้ง แต่รถลูกนายชาดา ไม่ยอมและเปิดไฟสูงสาดเข้าใส่รถผม เมื่อเป็นเช่นนั้น ผมจึงตอบโต้กลับด้วยการเปิดไฟสปอร์ตไลท์ ที่ติดตั้งอยู่บริเวณหลังคารถ จากนั้นก็มีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ด้วยความตกใจ ผมจึงก้มตัวหลบ ก่อนจะชะลอรถเพื่อปล่อยให้รถคู่กรณีวิ่งแซง จากนั้นจึงเอื้อมไปหยิบปืน ที่วางอยุ่ตรงช่องวางเท้าด้านข้างคนขับ ก่อนจะยิงรัวใส่รถคู่กรณี ขณะที่กำลังขับตีคู่ขึ้นมารวม 3 นัด ขณะนั้นยอมรับว่ายิงโดยไม่ได้หวังผล ซึ่งคนในรถคู่กรณีก็ยิงสวนกลับมาอีกหลายนัดเช่นกัน กระทั่งรถคู่กรณีเสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้า ด้วยความกลัวจึงปิดไฟหน้ารถแล้วเร่งเครื่องหนีทันที จากนั้นได้นำปืนไปทิ้งที่ด้านหลังรีสอร์ทโบนันซ่า และขับมาตั้งหลักที่กรุงเทพฯ จนมาทราบว่า คู่กรณีเป็นลูกชายของ นายชาดา ส.ส.อุทัยธานี” นายมั่น ให้การ
นายมั่น กล่าวอีกว่า หลังจากนั้นตนก็นำรถไปซ่อมโป้วสีใหม่ เปลี่ยนชิ้นส่วนที่มีรอยกระสุนปืน ถอดสปอร์ตไลท์ทิ้ง และพยายามตั้งสติให้นิ่งที่สุด ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สักพักก็กลับมาทำงานที่ปากช่องตามปกติ ผ่านไป 3 วัน ก็เดินทางไปรับงานต่อที่กรุงเทพ กระทั่งได้ปรึกษากับผู้ใหญ่คนหนึ่งที่รู้จักและนับถือกัน จึงแนะนำให้ตนติดต่อเข้ามามอบตัวกับ พ.ต.อ.ภาณุ บูรณศิริ รอง ผบก.สส.ภ.3 เพราะมั่นใจว่าตำรวจจะให้ความเป็นธรรมและคุ้มครองความปลอดภัยได้
“วินาทีนั้น..ผมก็กลัวว่าใครจะมาช่วยผมได้ บอกตรง ๆ ผมไม่ไว้ใจใคร ตำรวจจะคุ้มครองความปลอดภัยได้หรือ จึงไม่กล้าออกมามอบตัว จนผู้ใหญ่ที่นับถือกันพามามอบตัว ปกติพกปืนติดตัวไว้เป็นประจำ เพราะทำงานอยู่ในพื้นที่ป่าเขา เกรงจะไม่ปลอดภัย เป็นปืนที่รับจำนำต่อมาจากพรรคพวกที่ จ.ชลบุรี ในราคา 1,500 บาท สภาพเก่ามากจนขึ้นสนิม มีกระสุนอยู่แค่ 5 นัด ยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีสาเหตุมาจากการเปิดไฟรถใส่กัน ไม่มีการเตรียมการใด ๆ ผมยิงปืนตอบโต้เพื่อป้องกันตัวเท่านั้น เพราะฝ่ายคู่กรณียิงใส่ผมก่อน ผมต้องป้องกันตัว และไม่รู้คนในรถเป็นใคร ผมก็แค่คนงานจน ๆ หาเช้ากินค่ำ ไม่มีเงิน ตอนเกิดเหตุก็ใจเต้น คิดว่าถ้าคุณยิง ผมก็ยิง หลังเกิดเหตุก็คิดว่าจะเอารถไปขายที่กัมพูชา แต่ก็เชื่อฟังผู้ใหญ่ที่ขอให้ผมมอบตัวสู้คดี แม้จะกลัวว่าจะไม่ปลอดภัยก็ตาม และผมต้องขอโทษ ส.ส.ชาดา จริงๆ ขอยืนยันว่าผมไม่ได้ตั้งใจ” นายมั่น ผู้ต้องหา กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าก่อนหน้าจะแถลงข่าว พ.ต.อ.ธนาวุฒิ เคหะเจริญ ผกก.สภ.หมูสี นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กว่า 100 นาย ลงพื้นที่แปลงสวนผัก ริมถนนบ้านขนงพระ-หนองสาหร่าย หมู่ที่ 1 ต. ขนงพระ อ. ปากช่อง จ. นครราชสีมา เพื่อค้นหาอาวุธปืนของกลางที่ นายมั่น พูลทรัพย์ ผู้ต้องหา ใช้ยิงในวันเกิดเหตุแล้วนำไปโยนทิ้ง เป็นระยะทางยาวกว่า 1 กม. แต่ก็ยังค้นหาไม่พบ ซึ่งหลังจากแถลงข่าวเสร็จ ชุดจับกุมจะนำตัวผู้ต้องหามาชี้จุดทิ้งปืนอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้จะนำเครื่องมือตรวจหาวัตถุมาช่วยค้นหาด้วย
นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคชาติไทยพัฒนา เปิดเผยว่า ส่วนตัวยังติดใจว่าคนร้ายที่เข้ามอบตัวนั้น เป็นคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุจริงหรือไม่ เนื่องจากเคยคาดการณ์มาก่อนหน้านี้ว่า หากตนเองและพยาน เข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ จะต้องมีคนออกมารับผิดอย่างแน่นอน ส่วนกรณีที่ นายมั่น อ้างว่า เหตุที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากขับรถปาดหน้ากันไปมานั้น นายชาดา ระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คนร้ายได้พยายามขับรถแซงหน้ารถของตน แล้วจอดถึง 2 ครั้ง ซึ่งมองว่าเป็นการเจตนาจะก่อเหตุ มิใช่เหตุเฉพาะหน้า รวมไปถึงตนยังเห็นหน้าคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุ ยืนยันว่าขณะเกิดเหตุมีคนร้ายอยู่ในรถกระบะ 2 คน
นายชาดา ยังกล่าวด้วยว่า หากได้พบหน้าและพูดคุยกับคนร้าย จะสามารถยืนยันได้อย่างแน่นอนว่าใช่คนร้ายตัวจริงหรือไม่ ส่วนตัวอยากให้เป็นตัวจริง จะได้เสร็จสิ้น และดำเนินคดีไปตามกฎหมาย เนื่องจากตนพร้อมจะให้อภัย ไม่คิดตามล้างแค้นแต่อย่างใด.
นายมั่น ยกมือไหว้เป็นการขอโทษผ่านสื่อมวลชนไปถึง นายชาดา ก่อนเปิดใจว่า "ผมกราบขอโทษจริง ๆ ผมไม่ได้ตั้งใจ” พร้อมเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดว่า ว่า ตนทำอาชีพคุมคนงานรับเหมาก่อสร้าง พักอาศัยในบ้านเช่าย่านใกล้เคียงกับร้านสะดวกซื้อ ที่กลุ่มของผู้ตายเข้าไปซื้อของในวันเกิดเหตุ รวมทั้งทำงานที่ อ.ปากช่อง มานาน 5 ปีแล้ว ก่อนจะเกิดเรื่องไม่กี่วัน ตนเตรียมจะเดินทางไปรับเหมางานที่กรุงเทพฯอยู่แล้ว ช่วงค่ำได้ไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มในย่านปาลิโอ-เขาใหญ่ ก่อนกลับนั่งดื่มสุรากับเพื่อน 2 คน กระทั่งเวลาประมาณ 4 ทุ่ม ตนขอเลิกวงเพื่อจะกลับบ้าน ก่อนจะขับกระบะคู่ใจเดินทางไปเพียงลำพังไปตามถนนท่ามะปราง-วังน้ำเขียว บ้าคลองเดื่อ ต.หมูสี
“ต่อมา ผมมาพบเจอกับรถโตโยต้า ปราโด้ ไม่รู้ว่าเป็นรถของลูกของนายชาดา จากนั้นผมเปิดไฟกระพริบ 2 ครั้ง เพื่อส่งสัญญาณว่าจะแซง พร้อมกับเปิดไฟเลี้ยวขวาและเร่งเครื่องแซงขึ้นมาที่ช่องทางขวาทันที พอขับรถแซงจนสำเร็จก็มาเจอรถอีกคันวิ่งขวางหน้าอยู่ ผมจึงเปิดไฟเลี้ยวซ้ายเพื่อจะตบรถเข้าซ้ายอีกครั้ง แต่รถลูกนายชาดา ไม่ยอมและเปิดไฟสูงสาดเข้าใส่รถผม เมื่อเป็นเช่นนั้น ผมจึงตอบโต้กลับด้วยการเปิดไฟสปอร์ตไลท์ ที่ติดตั้งอยู่บริเวณหลังคารถ จากนั้นก็มีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ด้วยความตกใจ ผมจึงก้มตัวหลบ ก่อนจะชะลอรถเพื่อปล่อยให้รถคู่กรณีวิ่งแซง จากนั้นจึงเอื้อมไปหยิบปืน ที่วางอยุ่ตรงช่องวางเท้าด้านข้างคนขับ ก่อนจะยิงรัวใส่รถคู่กรณี ขณะที่กำลังขับตีคู่ขึ้นมารวม 3 นัด ขณะนั้นยอมรับว่ายิงโดยไม่ได้หวังผล ซึ่งคนในรถคู่กรณีก็ยิงสวนกลับมาอีกหลายนัดเช่นกัน กระทั่งรถคู่กรณีเสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้า ด้วยความกลัวจึงปิดไฟหน้ารถแล้วเร่งเครื่องหนีทันที จากนั้นได้นำปืนไปทิ้งที่ด้านหลังรีสอร์ทโบนันซ่า และขับมาตั้งหลักที่กรุงเทพฯ จนมาทราบว่า คู่กรณีเป็นลูกชายของ นายชาดา ส.ส.อุทัยธานี” นายมั่น ให้การ
นายมั่น กล่าวอีกว่า หลังจากนั้นตนก็นำรถไปซ่อมโป้วสีใหม่ เปลี่ยนชิ้นส่วนที่มีรอยกระสุนปืน ถอดสปอร์ตไลท์ทิ้ง และพยายามตั้งสติให้นิ่งที่สุด ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สักพักก็กลับมาทำงานที่ปากช่องตามปกติ ผ่านไป 3 วัน ก็เดินทางไปรับงานต่อที่กรุงเทพ กระทั่งได้ปรึกษากับผู้ใหญ่คนหนึ่งที่รู้จักและนับถือกัน จึงแนะนำให้ตนติดต่อเข้ามามอบตัวกับ พ.ต.อ.ภาณุ บูรณศิริ รอง ผบก.สส.ภ.3 เพราะมั่นใจว่าตำรวจจะให้ความเป็นธรรมและคุ้มครองความปลอดภัยได้
“วินาทีนั้น..ผมก็กลัวว่าใครจะมาช่วยผมได้ บอกตรง ๆ ผมไม่ไว้ใจใคร ตำรวจจะคุ้มครองความปลอดภัยได้หรือ จึงไม่กล้าออกมามอบตัว จนผู้ใหญ่ที่นับถือกันพามามอบตัว ปกติพกปืนติดตัวไว้เป็นประจำ เพราะทำงานอยู่ในพื้นที่ป่าเขา เกรงจะไม่ปลอดภัย เป็นปืนที่รับจำนำต่อมาจากพรรคพวกที่ จ.ชลบุรี ในราคา 1,500 บาท สภาพเก่ามากจนขึ้นสนิม มีกระสุนอยู่แค่ 5 นัด ยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีสาเหตุมาจากการเปิดไฟรถใส่กัน ไม่มีการเตรียมการใด ๆ ผมยิงปืนตอบโต้เพื่อป้องกันตัวเท่านั้น เพราะฝ่ายคู่กรณียิงใส่ผมก่อน ผมต้องป้องกันตัว และไม่รู้คนในรถเป็นใคร ผมก็แค่คนงานจน ๆ หาเช้ากินค่ำ ไม่มีเงิน ตอนเกิดเหตุก็ใจเต้น คิดว่าถ้าคุณยิง ผมก็ยิง หลังเกิดเหตุก็คิดว่าจะเอารถไปขายที่กัมพูชา แต่ก็เชื่อฟังผู้ใหญ่ที่ขอให้ผมมอบตัวสู้คดี แม้จะกลัวว่าจะไม่ปลอดภัยก็ตาม และผมต้องขอโทษ ส.ส.ชาดา จริงๆ ขอยืนยันว่าผมไม่ได้ตั้งใจ” นายมั่น ผู้ต้องหา กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าก่อนหน้าจะแถลงข่าว พ.ต.อ.ธนาวุฒิ เคหะเจริญ ผกก.สภ.หมูสี นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กว่า 100 นาย ลงพื้นที่แปลงสวนผัก ริมถนนบ้านขนงพระ-หนองสาหร่าย หมู่ที่ 1 ต. ขนงพระ อ. ปากช่อง จ. นครราชสีมา เพื่อค้นหาอาวุธปืนของกลางที่ นายมั่น พูลทรัพย์ ผู้ต้องหา ใช้ยิงในวันเกิดเหตุแล้วนำไปโยนทิ้ง เป็นระยะทางยาวกว่า 1 กม. แต่ก็ยังค้นหาไม่พบ ซึ่งหลังจากแถลงข่าวเสร็จ ชุดจับกุมจะนำตัวผู้ต้องหามาชี้จุดทิ้งปืนอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้จะนำเครื่องมือตรวจหาวัตถุมาช่วยค้นหาด้วย
นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคชาติไทยพัฒนา เปิดเผยว่า ส่วนตัวยังติดใจว่าคนร้ายที่เข้ามอบตัวนั้น เป็นคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุจริงหรือไม่ เนื่องจากเคยคาดการณ์มาก่อนหน้านี้ว่า หากตนเองและพยาน เข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ จะต้องมีคนออกมารับผิดอย่างแน่นอน ส่วนกรณีที่ นายมั่น อ้างว่า เหตุที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากขับรถปาดหน้ากันไปมานั้น นายชาดา ระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คนร้ายได้พยายามขับรถแซงหน้ารถของตน แล้วจอดถึง 2 ครั้ง ซึ่งมองว่าเป็นการเจตนาจะก่อเหตุ มิใช่เหตุเฉพาะหน้า รวมไปถึงตนยังเห็นหน้าคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุ ยืนยันว่าขณะเกิดเหตุมีคนร้ายอยู่ในรถกระบะ 2 คน
นายชาดา ยังกล่าวด้วยว่า หากได้พบหน้าและพูดคุยกับคนร้าย จะสามารถยืนยันได้อย่างแน่นอนว่าใช่คนร้ายตัวจริงหรือไม่ ส่วนตัวอยากให้เป็นตัวจริง จะได้เสร็จสิ้น และดำเนินคดีไปตามกฎหมาย เนื่องจากตนพร้อมจะให้อภัย ไม่คิดตามล้างแค้นแต่อย่างใด.
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น