วันเสาร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2555

กองทัพภาค 4 ยันโจรใต้หวังยุให้แตกกับมาเลเซีย


วันนี้ ( 31 ส.ค.) ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค  4 ส่วนหน้า  ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พ.อ.ปราโมทย์  พรหมอินทร์ หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ กอ.รมน.ภาค 4 ในฐานะรองโฆษก เปิดเผยถึงเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ใน ช่วงกลางดึกต่อเนื่องถึงเช้าวันนี้ ว่า ก่อนอื่นทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ต้องขอแสดงความยินดีกับทางประเทศมาเลเซีย เนื่องจากในวันนี้เป็นวันที่ครบรอบ 50 ปี การประกาศเอกราชของประเทศมาเลเซีย จากประเทศอังกฤษ หรือวันเมอร์เดก้า (Merdeka) ซึ่ง กอ.รมน. และพี่น้องประชาชนชายแดนภาคใต้ และขอแสดงความความยินดีไปยังพี่น้องชาวมาเลเซียทุกท่านด้วย

ส่วนกรณีเหตุความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตั้งแต่ช่วงหลังเที่ยง คืนที่ผ่านมา จากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่าเป็นการก่อเหตุในลักษณะการก่อกวน เป็นวัตถุต้องสงสัย เผาทำลายธงชาติ และติดธงชาติมาเลเซียในหลายพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และบางส่วนของ จ.สงขลา โดยแยกเป็นในพื้นที่ยะลา 34 จุด นราธิวาส 44 จุด ปัตตานี 12 จุด และสงขลา 12 จุด รวมทั้งสิ้น 102 จุด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลักษณะก่อกวน ต่างๆ  ส่วนที่เป็นการลอบวางระเบิดรวม 5 จุดในพื้นที่ อ.เมือง อ.ระแงะ อ.จะแนะ  อ.บาเจาะ และ อ.สุไหงปาดี  ของ จ.นราธิวาส  ที่ทำให้มีเจ้าหน้าที่บาดเจ็บรวม 6 นาย เป็นเจ้าหน้าที่ของนาวิกโยธิน กองทัพเรือ 3 นาย ของหน่วยเฉพาะกิจทหารพราน 45   2 นาย และหน่วยเฉพาะกิจทหารพราน 46    1 นาย

“จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เชื่อว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุต้องการให้ เป็นภาพข่าวเผยแพร่สาธารณะ โดยเลือกวันที่เป็นวันเชิงสัญลักษณ์ คือวันที่ 31 สิงหาคม ซึ่งตรงกับวันประกาศเอกราชของประเทศมาเลเซีย รวมทั้งเป็นวันครบรอบการจัดตั้งขบวนการณ์เบอร์ซาตู ทั้งนี้เพื่อต้องการกระตุ้นจิตใจของแนวร่วมในการสร้างสถานการณ์ในพื้นที่  สำหรับการเผาทำลายธงชาติไทย และติดธงมาเลเซีย นั้นกลุ่มคนร้ายต้องการสร้างความเกลียดชังระหว่างประเทศไทยกับมาเลเซีย ให้หวาดระแวงซึ่งกันและกัน ซึ่งถือว่าเป็นการแสวงประโยชน์จากความรุนแรงที่กลุ่มผู้ก่อเหตุสร้างขึ้น แล้วต้องการโยนความผิดให้กับประเทศเพื่อนบ้าน  ก็อยากจะเรียนให้ทราบว่าไทยและมาเลเซียนั้นยังคงมีความสัมพันธ์ที่ดีมาโดย ตลอดทั้งในระดับนโยบาย และระดับปฎิบัติในพื้นที่   การสร้างสถานการณ์เช่นนี้คงจะไม่ทำให้ไทยและมาเลเซียเกิดความขัดแย้งกันได้” รองโฆษก กล่าว

พ.อ.ปราโมทย์  กล่าวอีกว่า  ในช่วงนี้หลายส่วนกำลังเตรียมพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน  ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นอย่างมาก สิ่งที่กลุ่มก่อเหตุรุนแรงต้องการในขณะนี้ นอกจากการก่อเหตุสร้างความขัดแย้งระหว่างประเทศ ส่วนหนึ่งคือต้องการไม่ให้ไทยเข้าสู่ประชาคมอาเซียน  เพราะหลังจากเข้าไปแล้วก็จะสูญเสียมวลชนไปเยอะ เนื่องจากพี่น้องประชาชนอยากที่จะมีคุณภาพชีวิตที่ดี และอยู่อย่างปกติสุข   แต่อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผู้บัญชาการทหารบก แม่ทัพภาคที่ 4 ก็ได้สั่งกำชับให้ทุกหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่เข้าไปควบคุมสถานการณ์ จัดชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบวัตถุต้องสงสัย เพื่อความไม่ประมาท รวมทั้งทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ซึ่งก็มีความเข้าใจดี ทั้งนี้หากพี่น้องประชาชนท่านใดที่พบวัตถุต้องสงสัย ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ เพื่อเข้าตรวจสอบ โดยโทรแจ้งได้ที่หมายเลข 1341 ตลอด 24ชั่วโมง
ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะตอบข้อซักถาม กรณีกลุ่มก่อความไม่สงบในภาคใต้ก่อเหตุรุนแรงในลักษณะป่วนเชิงสัญลักษณ์หลาย สิบจุด  โดยกล่าวสั้นๆ ด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีว่า ได้รับทราบรายงานแล้ว และได้สั่งการให้พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ( สมช.)ลงไปดูแลแล้ว คาดว่าน่าจะถึงในวันพรุ่งนี้ ( 1 ก.ย.)
นายบุญสม ศรีพราย ประธานสมาพันธ์ครู 3 จ.ชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า  แม้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อาจจะไม่เกี่ยวข้องกับกับโดยตรงกับชีวิตครู แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกิดบนถนน และบริเวณสำคัญที่เป็นเชิงสัญลักษณ์หลายแห่ง และไม่อาจปฎิเสธได้ว่า จะไม่ส่งผลกระทบทางตรงหรือทางอ้อมกับประชาชน โดยเฉพาะครูในพื้นที่ ซึ่งจากการติดตามและสอบถาม ครูในพื้นที่ จ.นราธิวาส ยะลา และปัตตานี  ต่างบอกเสียงเดียวกันว่า น่ากลัว แม้จะไม่มีใครเสียชีวิต แต่คนร้ายป่วนได้หลายจุด ซึ่งหากถามขวัญกำลังใจครูในขณะนี้ ที่ต้องเดินทางไปมาในพื้นที่ และจะต้องไปโรงเรียนเพื่อสอนเด็กนักเรียน   จริงๆแล้วสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ในห้วงที่ผ่านมา ครูก็เสียขวัญ และไม่มั่นใจในความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน  เมื่อมีเหตุการณ์ในลักษณะป่วนความรุนแรงอีก เป็นปกติที่ครูต้องรู้สึกกลัว  โดยขณะนี้ได้แจ้งประสานไปยังผู้อำนายการครูโรงเรียนทุกแห่งแห่ง พิจารณาตามสถานการณ์  หากไม่จำเป็นก็ไม่ควรปิดโรงเรียนเพราะจะส่งผลกระทบต่อการเรียนของเด็กนัก เรียนที่ผลสัมฤทธิ์ไม่ดีอยู่แล้ว แต่ถ้าพิจารณาแล้วว่า ครูอาจไม่ปลอดภัยให้ ผู้รับผิดชอบสถานศึกษานั้นๆ ใช้ดุลพินิจปิดการเรียนการสอนได้ทันที เพื่อป้องกันการสูญเสียและเหตุไม่คาดฝันได้.

0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources