วันนี้ ( 10 มิ.ย.) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณีที่นายกษิต ภิรมย์
อดีตรมว.ต่างประเทศ สมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์
ข้องใจการดำเนินงานของรัฐบาล
ที่ไม่ชี้แจงประเด็นความร่วมมือไทย-สหรัฐกรณีที่ไทยเปิดให้ทางสหรัฐใช้
พื้นที่ของสนามบินอู่ตะเภาเป็นศูนย์บรรเทาสาธารณภัยและความช่วยเหลือด้าน
มนุษยธรรมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และองค์การนาซ่าขอใช้พื้นที่
เพื่อจอดอากาศยานและขึ้นทำการบินตรวจสภาพอากาศ ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องความลับ
ว่า ความจริงนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ
ได้ออกมาพูดถึงเรื่องนี้แล้วว่า
องค์การนาซ่าได้มีหนังสือขอตั้งฐานปฏิบัติการในหลายประเทศในภูมิภาคเอเชีย
รวมถึงประเทศไทย โดยเริ่มต้นสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ต่อเนื่องมาถึงรัฐบาลชุดนี้
และกระทรวงการต่างประเทศได้ยื่นเสนอเรื่องต่อที่ประชุมครม.
เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านแล้ว ซึ่งทางกระทรวงมองว่าเรื่องนี้
ไม่เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ เพราะการตั้งฐานปฏิบัติการ
ต้องการถ่ายภาพจากดาวเทียมเพื่อตรวจดูความเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศใน
ภูมิภาคนี้ และเป็นความร่วมมือ ป้องกันภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้น
และไทยก็ได้ประโยชน์
"ต้องขอขอบคุณนายกษิต ที่กล้าพูดสวนทางกับนายอภิสิทธิ์ ที่ก่อนหน้านี้กล่าวหาว่าความร่วมมือระหว่างไทย-สหรัฐฯครั้งนี้ ดำเนินการเพื่อแลกกับวีซ่าของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ประเด็นดังกล่าวจึงเป็นความเข้าใจผิด รัฐบาลสหรัฐฯเป็นรัฐบาลที่มีศักดิ์ศรี เคารพกฎหมาย เชื่อว่าคงไม่เห็นแก่ประโยชน์เล็กน้อย เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าบางครั้งคนที่พูดทุกเรื่องไม่ได้รู้ทุกเรื่อง เพราะแม้แต่นายกษิต ยังกล้าหักต้นสังกัดเดิมของตัวเองคือกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อ ประชาธิปไตย"นายอนุสรณ์ กล่าว นายอนุสรณ์ กล่าวอีกว่า เรื่องการต่างประเทศเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เปราะบาง และหลายครั้งถูกลากโยงมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง เพราะปลุกระดมแล้วจุดติดง่าย เช่นเดียวกับ การดำเนินการของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ต่อกรณีคดีปราสาทพระวิหาร เป็นการทำงานต่อเนื่องจากรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ใช้ทีมทนายและผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายชุดเดิมที่รัฐบาลที่แล้วตั้ง อย่างไรก็ตามในกรณีนี้รัฐบาลน้อมรับคำแนะนำที่หลายฝ่ายออกมาเรียกร้องให้ รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาชี้แจงกับประชาชนให้เข้าใจว่า ถือเป็นความจำเป็นที่ต้องสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจ แต่บางเรื่องอาจต้องรอให้กรอบการดำเนินการตกผลึกเสียก่อน และยังมีประเด็นข้อกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงมารยามทางการทูต จึงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ทั้งหมดในเวลานี้ แต่ที่สุดทุกภาคส่วนต้องมีสิทธิ์ได้รับรู้ แต่เบื้องต้นไม่มีอะไรที่ไทยเสียประโยชน์และไม่กระทบกับความสัมพันธ์กับ ประเทศใดๆในภูมิภาคแน่นอน.
"ต้องขอขอบคุณนายกษิต ที่กล้าพูดสวนทางกับนายอภิสิทธิ์ ที่ก่อนหน้านี้กล่าวหาว่าความร่วมมือระหว่างไทย-สหรัฐฯครั้งนี้ ดำเนินการเพื่อแลกกับวีซ่าของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ประเด็นดังกล่าวจึงเป็นความเข้าใจผิด รัฐบาลสหรัฐฯเป็นรัฐบาลที่มีศักดิ์ศรี เคารพกฎหมาย เชื่อว่าคงไม่เห็นแก่ประโยชน์เล็กน้อย เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าบางครั้งคนที่พูดทุกเรื่องไม่ได้รู้ทุกเรื่อง เพราะแม้แต่นายกษิต ยังกล้าหักต้นสังกัดเดิมของตัวเองคือกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อ ประชาธิปไตย"นายอนุสรณ์ กล่าว นายอนุสรณ์ กล่าวอีกว่า เรื่องการต่างประเทศเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เปราะบาง และหลายครั้งถูกลากโยงมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง เพราะปลุกระดมแล้วจุดติดง่าย เช่นเดียวกับ การดำเนินการของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ต่อกรณีคดีปราสาทพระวิหาร เป็นการทำงานต่อเนื่องจากรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ใช้ทีมทนายและผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายชุดเดิมที่รัฐบาลที่แล้วตั้ง อย่างไรก็ตามในกรณีนี้รัฐบาลน้อมรับคำแนะนำที่หลายฝ่ายออกมาเรียกร้องให้ รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาชี้แจงกับประชาชนให้เข้าใจว่า ถือเป็นความจำเป็นที่ต้องสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจ แต่บางเรื่องอาจต้องรอให้กรอบการดำเนินการตกผลึกเสียก่อน และยังมีประเด็นข้อกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงมารยามทางการทูต จึงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ทั้งหมดในเวลานี้ แต่ที่สุดทุกภาคส่วนต้องมีสิทธิ์ได้รับรู้ แต่เบื้องต้นไม่มีอะไรที่ไทยเสียประโยชน์และไม่กระทบกับความสัมพันธ์กับ ประเทศใดๆในภูมิภาคแน่นอน.
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น