วันอังคารที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ครม.ตีกลับโครงการประกันภัยข้าว


วันนี้ ( 5 มิ.ย.) นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ( ครม.) ยังไม่เห็นชอบโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2555 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอและมอบหมายให้คณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอนายกรัฐมนตรีชุดที่ 4 ที่ มีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯและรมว.คลัง เป็นประธาน ไปพิจารณารายละเอียดให้ชัดเจนรอบคอบอีกครั้ง โดยเฉพาะค่าเบี้ยประกันภัยที่เห็นว่าค่อนข้างแพงเกินไป

นายภักดีหาญส์ ยังกล่าวด้วยว่า  เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.มีมติอนุมัติค่าใช้จ่ายการระบายข้าวเปลือกในยุ้งฉางเกษตรกรตาม โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 54/55 เพื่อเป็นค่าขนย้ายข้าวเปลือกจากยุ้งฉางเกษตรกรถึงจุดรับมอบข้าวเปลือกให้ เกษตรกรตามที่จ่ายจริงไม่เกินตันละ 300 บาท มีปริมาณการรับจำนำจำนวน 176,910 ตัน คิดเป็นมูลค่า 53 ล้านบาท โดยมีการเบิกจ่ายจากงบประมาณที่ได้รับการอนุมัติเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนิน การโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 54/55
 รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า ที่ประชุม ครม. ได้วิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้อย่างกว้างขวางโดยเฉพาะนายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกฯและรมว.ท่องเที่ยวและกีฬา, นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์  และ นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศึกษาธิการ ได้ตั้งข้อสงสัยเรื่องเบี้ยประกันภัยที่กระทรวงการคลังนำเสนอมาสูงถึงไร่ละ 225.77 บาท ซึ่งเป็นราคาที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและอากรแสตมป์แล้ว โดยรัฐบาลต้องเข้าไปรับภาระอุดหนุนค่าเบี้ยประกันให้กับเกษตรกรเป็นจำนวน 165.77 บาทต่อไร่ คิดเป็นวงเงินงบประมาณสูงถึง 1,428.93 ล้านบาท ซึ่งแตกต่างจากปีที่ผ่านมาเป็นเท่าตัวทีเดียวที่รัฐบาลเข้าไปอุดหนุนค่าเบี้ยเพียงแค่ไร่ละ 60 บาท หรือคิดค่าเบี้ยที่ไร่ละ 120 บาท เท่านั้น ขณะที่นายกิตติรัตน์ เองไม่ได้โต้แย้งหรือเสนอความคิดเห็นใด ๆ อย่างไรก็ตามข้อเสนอของกระทรวงการคลังระบุว่า สาเหตุสำคัญที่เบี้ย ประกันภัยเพิ่มสูงขึ้นจากปีที่แล้ว คือ การขยายตัวความคุ้มครองให้ครอบคลุมถึงภัยศัตรูพืชและโรคระบาดตามความต้องการ ของเกษตรกร รวมถึงการปรับเพิ่มความเสี่ยงระดับมหันตภัยของประเทศไทย และการปรับวงเงินความคุ้มครองให้เท่ากันตลอดช่วงระยะเวลาการเพาะปลูก

ทั้งนี้กระทรวงการคลังได้เสนอให้ ครม.เห็นชอบโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2555 และอนุมัติวงเงินงบประมาณ จำนวน 1,428.93 ล้านบาท เพื่อให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) นำไปดำเนินการโครงการฯ นี้ต่อไป โดยเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการจะรับภาระค่าเบี้ยประกันภัยไม่เกินไร่ละ 60 บาท โดยที่รัฐบาลอุดหนุนค่าเบี้ยในส่วนที่เหลือไร่ละ 165.77 บาท พร้อมทั้งได้ขยายความคุ้มครองจากภัยธรรมชาติเพิ่มเติมโดยรวมถึงภัยศัตรูพืชและโรคระบาด ด้วย จากเดิมที่คุ้มครองเพียง 6 ภัย คืออุทกภัย ฝนทิ้งช่วง ลมพายุ อากาศหนาว ลูกเห็บและอัคคีภัย แยกวงเงินคุ้มครองเป็น 2 อัตราคือไร่ละ 1,111 บาท ตลอดช่วงการเพาะปลูก สำหรับ 6 ภัยธรรมชาติ และคุ้มครองไร่ละ 555 บาท สำหรับภัยศัตรูพืชและโรคระบาด
 นอกจากนี้กระทรวงการคลังยังระบุด้วยว่าจาก เหตุการณ์สถานการณ์ภัยน้ำท่วมรุนแรงในปี 2553 และ 2554 ทำให้เกษตรกรตระหนักในการสร้างระบบประกันความเสี่ยงให้กับตนเองมากยิ่งขึ้น รัฐจึงจำเป็นต้องอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัย โดยเห็นควรให้เกษตรกรรมรับภาระค่าเบี้ยประกันภัย 60 บาทต่อไร่ เช่นเดียวกับการดำเนินโครงการฯ ในปี 2554 และรัฐอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยในส่วนที่เกินกว่า 60 บาทต่อไร่และให้ธ.ก.ส.พิจารณามาตรการสร้างแรงจูงใจให้กับเกษตรกรที่เป็น ลูกค้าเพิ่มเติมด้วย
 อย่าง ไรก็ตามธ.ก.ส.จะเป็นผู้บริหารโครงการและเป็นตัวกลางระหว่างเกษตรกรผู้เอา ประกันภัยกับผู้รับประภันภัยเอกชน เช่นเดียวกับการดำเนินโครงการในปี 54 โดยให้ภาค เอกชนเป็นผู้รับประกันภัยในส่วนที่เพิ่มเติมจากมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ ประสบภัยของรัฐ และใช้เกณฑ์การประเมินความเสียหายที่รัฐดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน เช่นเดียวกับการดำเนินโครงการฯ ในปี 2554

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources