หัวข้อโพสอาจจะแปลกๆ หน่อยนึง เพราะต้องทำความเข้าใจก่อนว่า วิธีติด Adsense ให้ได้เงินเยอะๆ กับ วิธีติด Google Adsense ให้ได้คลิกเยอะๆ (อัตราการคลิกโฆษณา) เยอะๆ นั้นมันดูเหมือนจะเป็นเรื่องเดียวกัน แต่จริงๆ แล้วมันแตกต่างกันค๊ะ ก่อนอื่น มาทำความเข้าใจถึง ค่าต่างๆ ที่ Google แสดงให้เรา ใน Adsense Account ของเรากันก่อน
- CTR หรือ Click Through Rate หมายถึง อัตราการคลิกโฆษณา ของคนที่เห็นโฆษณา นั้นเอง (จำนวครั้งที่คลิก/จำนวนครั้งที่คนเห็นโฆษณา)
- Page eCPM หรือ Page Effective Cost Per Mille หมายถึง จำนวนเงินที่เราจะได้รับ เมื่อคนเห็นโฆษณาของเรา 1000 ครั้ง = รายได้/1000
- Estimated Earnings หมายถึง รายได้โดยประมาณที่เราได้รับ = (Page eCPM X Page Impressions) / 1000
- Page Impressions หมายถึง จำนวนครั้งที่มีการแสดงโฆษณา
- CPC หรือ Cost Per Click หมายถึง รายได้เฉลี่ยต่อคลิก ที่เราได้รับ = Estimated Earnings/จำนวนคลิกที่ก่อให้เกิดรายได้
เนื้อหา ขอแยกเป็นสองส่วน คือ
1.วิธีติด Adsense ให้ได้เงินเยอะๆ
2.วิธีติด Google Adsense ให้ได้คลิกเยอะๆ (อัตราการคลิกโฆษณา)
1.วิธีติด Adsense ให้ได้เงินเยอะๆ
2.วิธีติด Google Adsense ให้ได้คลิกเยอะๆ (อัตราการคลิกโฆษณา)
1. วิธีติด Adsense ให้ได้เงินเยอะๆ
ปกติแล้ว ความใฝ่ฝันนึง ของคนทำ Google Adsense ส่วนใหญ่ คือ การมี Adsense ของเรามีค่า CTR หรือ อัตราการคลิกที่สูง เพราะอย่างที่รู้กันว่า Google Adsense เป็น Pay Per Click คือ เราได้เงินเมื่อคนคลิกดูโฆษณา ดังนั้น ” ยิ่งคนคลิกดูเยอะเท่าไหร่ ( CTR สูง ๆ ) ย่อมหมายถึง รายได้ที่เพิ่มมากขึ้นนั่นเอง “
ปกติแล้ว ความใฝ่ฝันนึง ของคนทำ Google Adsense ส่วนใหญ่ คือ การมี Adsense ของเรามีค่า CTR หรือ อัตราการคลิกที่สูง เพราะอย่างที่รู้กันว่า Google Adsense เป็น Pay Per Click คือ เราได้เงินเมื่อคนคลิกดูโฆษณา ดังนั้น ” ยิ่งคนคลิกดูเยอะเท่าไหร่ ( CTR สูง ๆ ) ย่อมหมายถึง รายได้ที่เพิ่มมากขึ้นนั่นเอง “
คิดว่าส่วนที่ขีดเส้นใต้ไว้ นี้ผิด หรือ ถูก ค๊ะ ???? คำตอบคือ ไม่ผิด แล้วก็ ไม่ถูกซะทีเดียว จริงๆ แล้วค่า CTR เป็นส่วนนึง ที่ถ้า CTR มีค่ามากขึ้นแล้ว รายได้จากค่าโฆษณา ก็น่าจะมีแนวโน้มที่สูงขึ้น โดยปกติ สำหรับคนที่ทำ Adsense นั้น จะมีการ Tracking ค่าสถิติต่างๆ โดนการใช้Google Adsense Channel ในการเก็บสถิติต่างๆ ของ Ads โฆษณาของเรา ซึ่งเราจะใช้ค่า CTR ที่เก็บได้จากการ Track Channel เพียงตัวเดียวในการตัดสินว่า Adsense แบบไหน ดีที่สุดสำหรับเวปไซต็เรา หรือ เราควรติด Adsense แบบใดที่เวปเรานั้น จะใช้เพียวแค่ค่า CTR มาตัดสินกัน ไม่เพียงพอค๊ะ ไม่รู้รู้จะอธิบายยังไง ดูรูปดีกว่าค๊ะ
จากรูปจะเห็น เป็น Stat ของ 2 Channel ค๊ะ ซึ่ง 2 Channel ใช้ติดที่หน้าเดียวกันเลยค๊ะ ขนาดของ Adsense เท่ากัน เพียงแต่อยู่ที่คนละตำแหล่ง และติด สลับกัน Channel ละ 7 วัน จะเห็นว่า ถ้าเราใช้ค่า CTR ในการติดสิน ว่าเราควรเลือกตำแหน่งไหน ในการวาง Google Adsense เราก็จะเลือก Channel ที่ 2 ที่มี CTR = 7.83% ใช่มั้ยค๊ะ เพราะค่า CTR มันมากกว่า ตัวแรกตั้งเกือบสองเท่าแนะ แต่ดูดีๆ จะเห็นว่า รายได้ที่เกิดจาก Adsense Channel ที่สองนั้น แค่ $30.99 เอง น้อยกว่าตัวบน ตั้ง 7$ ; ทั้งๆ ที่ Channel ตัวบนมี CTR แค่ 3.23% เท่านั้นเอง ซึ่งเราทำ Adsnese เป้าหมายหลัก คือ รายได้ ไม่ใช่ CTR หรือ ตัวเลขใดๆ ดังนั้น เราต้องเลือก ติด Adsense บริเวณที่ 1 (ที่ใช้ Channel ตัวที่ 1 ในการ Track) เพื่อให้ได้รายได้มากที่สุด
” ค่าของตัวเลขที่เราต้องใช้ในการตัดสินใจ ในการเลือกว่า Channel ไหนดีกว่า คือ ค่า Page eCPM “
แต่มีเรื่องนึงที่เป็นจริงเสมอ คือ ค่า eCPM นี่มันจะเปลี่ยนแปลงไป ตาม Market ที่เราเลือกมาทำ Adsense ค๊ะ ตลาดที่มีการลงโฆษณา ที่มีการแข่งขันสูง ต้องบิตแพง ถึงจะมี IMP ถ้าเทียบที่ CTR เท่ากัน กับอีกตลาดที่มีการแข่งขันต่ำกว่า eCPM ของตลาดที่มีการแข่งขันสูง บิตแพง ย่อมให้ค่า eCPM ที่มากกว่า
2. การติด Adsense ให้ได้ CTR สูงๆ
รูปด้านบน คือ HeatMap ของทั้ง 3 พี่เบิ่มในวงการ Search Engine ของโลกเราค๊ะ Google.Com , Bing.Com , Yahoo.Com ค๊ะ สงสัยกันมั้ยค๊ะ ว่าเอ๊ะแล้วมัน เกี่ยวอะไร กับเวปไซต์ที่เราทำ Google Adsense หละ เรื่องของเวปพี่ๆ เค้า เราไม่เกี่ยวซักหน่อย ถ้ากำลังคิดแบบนี้ ลองฟังแนวคิดของผิง ดูนะค๊ะ ว่า Heatmap นี้เกี่ยวข้องกับ CTR ของ Adsense ที่เวปเรายังไง
ก่อนอื่น สำหรับเราๆ คนที่ทำ Google Adsense , หรือ Amazon Affiliate หรือ อื่นๆ ก็แล้วแต่ เราปฏิเสธไม่ได้เลย ว่าทราฟฟิกของเราส่วนใหญ่มาจาก Search Engine แทบทั้งนั้น (ขอยกตรงนี้ เป็นส่วนใหญ่นะค๊ะ ไม่นับ คนที่ทำ Brand เอง แบบที่มีทราฟฟิกเข้าเวปตรงๆ เลย หรือหาทราฟฟิก จากวิธีอื่น) จาก Heatmap มันบอกเราได้กลายๆ เลยหละค๊ะ ว่า ส่วนที่เป็นสีเข้ม ในรูป เป็นจุดที่มีการ Click ต่อ เพื่อเข้าไปดูเนื้อหา ของลิงค์ ที่ปรากฎบน Search Engine มากกว่าส่วนที่เป็นสีจางกว่า อย่างแน่นอน (คำที่ 1-6 ของ Link Title โดยประมาณ)
มาดูรูปนี้กันต่อ เห็น เส้นสีน้ำเงิน ที่ผิงลากเป็นกรอบสีเหลี่ยม มั้ยค๊ะ พื้นที่ของสี่เหลี่ยมสีน้ำเงินนี้ กินส่วนของ Heatmap สีเข้มไปเกินกว่า 90% ซึ่ง มั่นใจได้ว่า จะที่คนที่ทำการเสริจ หรือ ทำการค้นหาข้อมูล ที่ Google.Com จะคลิกที่ในกรอบสีน้ำเงินนี้อย่างแน่นอน (ปล ขอไม่นำส่วนของ Sidebar Manu ลิงค์ทั้งสองข้าง มาคิดนะค๊ะ เพราะ Sidebar ทั้งสองข้างนั้น คนที่คลิกที่ลิงค์ ที่อยู่ในพื้นที่ด้านข้างนี้ จะไม่ใช่คนที่เข้าสู่เวปไซต์เรา 100% ค๊ะ เพราะเราไม่ได้ลง Google Adword จะมีลิงค์ ในส่วนของผู้ลงโฆษณา ได้ยังไงจริงมั้ยค๊ะ ทราฟฟิกที่เข้าสู่เวปเราที่มาจาก Search Engine เป็น Natural Search ทั้งนั้นหละ (ไม่นับ AAA นะค๊ะ สมัยนี้ มันทำแบบนั้นไม่ได้แล้ว ทำไปโดน Adsense แบนปล่าวๆ)
เส้นสีเหลือง ที่เห็นในรูป คือ ขอบล่างสุดของเนื้อหา ที่แสดงโดยที่ เนื้อหาที่อยู๋ด้านล่างของ เส้นสีเหลือง ต้องทำการเลื่อนหน้าลงไปดู ถึงจะเห็นเนื้อหาในส่วนนี้ ภาษาังกฤษเรียก Fold Line ค๊ะ
ลองจินตนาการดูเทียบกับตัวเราเองก็ได้ว่า ปกติแล้ว เวลาคุณทำการค้นหา ที่ Google คุณคลิก ที่บริเวณสีน้ำเงินที่ผิงบอกไว้รึปล่าว ผิงคนนึงหละ ที่คลิกที่บริเวณนี้ แล้วยังไงต่อ ถ้านึกภาพไม่ออก ลองเสริจที่ Google ไปพร้อมกันเลยก็ได้ค๊ะ คำอะไรก็ได้ แล้วคลิกเข้าไปดูเวปที่ขึ้นมาที่ Search Result หลังจากคลิกเข้าไปแล้ว ให้ดูว่า Mouses เราอยู่ที่จุดไหน ตาเราอยู่ที่จุดไหน ยังอยู่ใน พื้นที่สี่เหลี่ยม สีน้ำเงินรูปเดิมที่ผิง วาดไว้รึปล่าวค๊ะ
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้า ตำแหน่งของ Mouse ของคน ที่คลิก กดเข้ามาจาก Google อยู่บน Adsense เราพอดิบพอดี ??? เค้าก็จะเห็น Adsense ของเราแบบเต็มๆ ตาไงหละค๊ะ ทีนี้ก็ลุ้นให้ Adsense ที่เค้าเห็น มันเป็นสิ่งที่เค้าสนใจ ( คือ Adsense ขึ้นมามันเกี่ยวข้องกับ Keyword ที่คนเสริจ ก่อนที่จะคลิกเข้ามาที่เวปไซต์เรา นั้นเองค๊ะ)
“พื้นที่สี่เหลี่ยมสีน้ำเงิน ที่วาดทับไว้ บน Google Heatmap เป็นพื้นที่ที่เหมาะสม ในการติดโฆษณา ค๊ะ”
คงมีหลายๆ คนที่อ่านมาถึงตรงนี้ แล้วกำลังคิด ที่จะลองติด Adsense ที่จุดพื้นที่สีนำ้เงินที่ว่า อย่างเพิ่งค๊ะอ่านต่อให้จบก่อนๆ คือ เอิ่ม จะบอกยังไงดีหละ คือ สำหรับคนที่ทำเวปเพื่อ Adsense เฉพาะเลย ไม่ได้สนใจ ในเรื่องของ ประสบการณ์ของผู้ใช้ หรืออะไร หรือสามารถที่จะปรับเปลี่ยน Design รูปแบบต่างๆของเวปไซต์ได้ทั้นที ก็ลองเลยค๊ะ แต่สำหรับคนที่มีเวปไซต์ที่มีทราฟฟิก อยู่แล้วควรนึกถึง USER ด้วยค๊ะ
แต่ใช่ว่า แค่พื้นที่สีน้ำเงินที่กล่าวมา พื้นที่ที่สายตามอง เท่านั้นที่มีผล ต่อค่า CTR ของ Adsense ในเวปไซต์เรา องค์ประกอบอื่นๆ ในเวปไซต์ของเรา ก็มีผลด้วย เช่นกันค๊ะ มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
1. Sidebar ของเวป สมมุติว่าที่ Sidebar ของเรา ติดรูปภาพ Flash กระพริบ หรือ รูปภาพใดๆ มันย่อมดึงสายตา คนที่เข้าเวปเรามาที่จุดนี้ แน่นอนค๊ะ
2. Header ของเวป ก็มีผลต่อ CTR ค๊ะ จากการทดสอบส่วนตัว ถ้าเราทำเวปไซต์ แบบ Focus เนื้อหาไปในเรื่องเดียว เช่น ทำเวปเกี่ยวกับโยคะ แล้วใช้ Header ที่เกี่ยวกับโยคะ จะทำให้ได้ CTR ที่ดีกว่า ใช้แค่เป็นป้ายสี ที่มีข้อความของ Website เฉยๆ ค๊ะ
3. Font และ สี ของตัวอักษร และ สีของลิงค์ในเวปไซต์ จากการทดลองส่วนตัว พบว่า ถ้าใช้ สีของ Adsense Title เป็นสีเดียวกับ สีของลิงค์ในเวป และ ใช้สีของข้อความ Adsense เป็นสีเดียว กับ ตัวอักษรในเวป (Font เดียวกัน ขนาดเท่ากัน) จะได้ CTR ที่ดีกว่า ใช้สีที่แตกต่างกันค๊ะ
4. ทุกองค์ประกอบในเวป มันดึงดูสายตา ทั้งนั้นหละค๊ะ ยิ่งมีองค์ประกอบในเวปน้อยเท่าไหร่ Adsense CTR เราก็จะยิ่งเด่นขึ้นๆ
2. Header ของเวป ก็มีผลต่อ CTR ค๊ะ จากการทดสอบส่วนตัว ถ้าเราทำเวปไซต์ แบบ Focus เนื้อหาไปในเรื่องเดียว เช่น ทำเวปเกี่ยวกับโยคะ แล้วใช้ Header ที่เกี่ยวกับโยคะ จะทำให้ได้ CTR ที่ดีกว่า ใช้แค่เป็นป้ายสี ที่มีข้อความของ Website เฉยๆ ค๊ะ
3. Font และ สี ของตัวอักษร และ สีของลิงค์ในเวปไซต์ จากการทดลองส่วนตัว พบว่า ถ้าใช้ สีของ Adsense Title เป็นสีเดียวกับ สีของลิงค์ในเวป และ ใช้สีของข้อความ Adsense เป็นสีเดียว กับ ตัวอักษรในเวป (Font เดียวกัน ขนาดเท่ากัน) จะได้ CTR ที่ดีกว่า ใช้สีที่แตกต่างกันค๊ะ
4. ทุกองค์ประกอบในเวป มันดึงดูสายตา ทั้งนั้นหละค๊ะ ยิ่งมีองค์ประกอบในเวปน้อยเท่าไหร่ Adsense CTR เราก็จะยิ่งเด่นขึ้นๆ
###Tip ทำให้แน่ใจว่า ทั้งหน้าที่คนเข้ามาแล้วเห็น มีเพียงแค่ Adsnese หรือ Amazon Banner เท่านั้น ที่เป็นลิงค์ ที่สามารถคลิก ต่อได้
“มีคำกล่าวนึง ที่ยังเป็นจริงพอสมควร คือ เว็บสวย มักไม่ทำเงิน เท่าเว็บที่ไม่สวย”
###Tip มันมีกฎทอง อยู่ 1 อย่างในการติด Adsene คือ ตำแหน่งที่ดีในวาง Adsense คือ ด้านล่างของ Post Title และ ด้านบนของ Fold Line เข้ามาปุ๊ป ต้องเห็น Adsense โดยไม่จำเป็นต้องเลื่อนหน้าลงไป ถึงจะเห็น Adsense ที่เราติดไว้ เพราะ มีการสำรวจข้อมูลเรื่องนี้ไว้ ปรากฎว่ามี จำนวนถึง 70 กว่า % ของผู้เข้าเวป ที่ไม่เลื่อนหน้า หรือ อ่านเนื้อหาในหน้าจนจบ ในกรณีที่เข้ามาเวปไซต์ใดๆ
ถ้าจำกันได้ในโพส ที่แล้ว มีข้อห้ามนึงที่ดูจะสุ่มเสี่ยงต่อคนทำ Adsense แบบวาง Adsense ไว้ใต้ Post Title เรามีวิธีป้องกัน ไม่ให้เกิดปัญหาการถูกเข้าใจว่าทำผิดกฎ Adsense ในกรณที่อาจมีบาง Post Title mี่อาจถูกเข้าใจว่า นำมาสู่การทำให้เกดิการคลิก ที่ Adsense สามารถป้องกัน ได้โดยการ ใส่คำว่า ‘sponsored links หรือ advertisements ไว้ด้านบนของ Adsense ค๊ะ ซึ่งคนที่แนะนำเรื่องนี้ คือ ทาง Google เองเลย
“publishers may not label the Google ads with text other than ‘sponsored links’ or ‘advertisements’.
อันนี้เป็นรูปแบบ การตั้งค่า Adsense ที่ผิงใช้มาตลอดค๊ะ ปกติที่ทำจะใช้ ใช้ Adsense ขนาด 336X280 หรือ 300X250 ค๊ะ สีต่างๆ ก็ตั้งตามรูปเลย ปล ตรงส่วนของ URL อาจใช้สีเขียว ตามค่า Defult ของ Adsense ที่ให้มาตั้งแต่แรกเลยก็ได้ค๊ะ
อันนี้เป็นสี ของ Adsense ที่ใช้อยู่เป็นประจำกับทุกเวปค๊ะ มีอีกคำแนะนำนึงที่เคยอ่านเจอจาก Blog ของฝรั่งคนนึง นานมากหละ ที่คิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับทุกคน ที่ทำ Google Adsense หรือ ติดโฆษณาตัวอื่นอยู่ Amazon หรือ อะไรก็ใช้ได้ค๊ะ คือ
” ให้ออกแบบเวปไซต์ ให้เข้ากับ Adsense ไม่ใช่ออกแบบ Adsense ให้เข้ากับเวปไซต์ “
แต่ก่อนผิงก็เป็นค๊ะ คือ ทำเวปไซต์ก่อนเลย จากนั้น เลือก WordPress THeme สวยๆ มาทำเวปไซต์ให้เสร็จ ถึงค่อยติด Adsense ปรากฎว่า CTR ที่ได้ ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เลยค๊ะ ปรับโน่นก็แล้ว ปรับนี่ก็แล้ว ปรากฎว่าทำไปทำมา เวปหมดสวยเลยค๊ะ เพราะองค์ประกอบที่ตีมนั้นทำมาแต่แรก มันสมดุลกันอยู่แล้ว หลังจากมีประสบการณ์ลองผิดลองถูกมาซักพักเลย ได้ลองทำตามแนวคิดด้านบน สร้าง Adsense ก่อน แล้วถึงหาWordPress Theme ที่เข้ากับ Adsense ที่เราสร้าง และ สามารถวาง Adsnese ที่บริเวณสีน้ำเงิน ตามที่ได้กล่าวผ่านมา ได้โดยที่ไม่ทำให้เวบ ดูแย่ หรือ เสียสมดุลในตัวมันเองไป
จากรูปการเลือกสีของ Adsense ที่ผิงตั้งค่าไว้ ดังนั้น เวลาทำเวป ผิงก็จะใช้ Font Arial ในการทำ ใช้สี #000000 สำหรับตัวอักษร และทำการปรับขนาดให้สุดท้ายแล้ว ขนาดของตัวอักษรในเวป = ขนาดของตัวอักษรที่ข้อความโฆษณา จอง Google Adsense และ ใช้สีของ Text ลิงค์ในเวปไซต์ เป็น #0000FF
( โทนสีน้ำเงินฟ้า เป็นโทนสี ที่ทุกคนรับรู้ตรงกันว่ามัน คือ ส่วนของลิงค์ เห็นปุ๊ปรู้เลยว่า ส่วนนี้เราคลิกได้ เพราะตั้งแต่เริ่มมี Internet ส่วนใหญ่ เค้าก็ใช้สีนี้กันมาตลอด ในการทำลิงค์ ดังนั้น Adsense เราก้ควรใช้สีนี้ เพื่อให้คนคิดว่ามันเป็นลิงค์ที่สามารถคลิกได้นั่นเอง)
เหมือนว่าเนื้อหาจะจบแล้ว แต่ยังมีเรื่องนึงที่ไม่เขียนไม่ได้ คือ เรื่องการเพิ่ม CTR ที่แท้จริง ค๊ะ ลองนึกถาพดูว่า คนที่คลิก Adsnese ที่เวปเรานั้น จริงๆ แล้ว เค้าต้องคลิกทั้งหมดกี่ครั้ง (ไม่ใช่คลิกหลายทีแบบบอมคลิกชาวบ้านนะค๊ะ แบบนี้ไม่ไหว) เค้าต้องคลิกอย่างน้อยที่สุด 3 ครั้ง จริงมั้ยค๊ะ
1. คลิกครั้งที่ 1 คือ คลิกปุ่มเสริจ หลังจากที่ใส่ Keyword ที่ต้องการค้นหาที่ Google หรือ Search Engine ต่างๆ แล้ว
2. คลิกครั้งที่ 2 คือ คลิกที่ผลลัพธ์ ที่แสดงขึ้นมาที่ Search Engine
3. คลิกครั้งที่ 3 คือ คลิกที่ Google Adsense หรือ ป้ายโฆษณา Amazon ที่อยู่ในเวปไซต์เรา
1. คลิกครั้งที่ 1 คือ คลิกปุ่มเสริจ หลังจากที่ใส่ Keyword ที่ต้องการค้นหาที่ Google หรือ Search Engine ต่างๆ แล้ว
2. คลิกครั้งที่ 2 คือ คลิกที่ผลลัพธ์ ที่แสดงขึ้นมาที่ Search Engine
3. คลิกครั้งที่ 3 คือ คลิกที่ Google Adsense หรือ ป้ายโฆษณา Amazon ที่อยู่ในเวปไซต์เรา
ที่เล่ามายืดยาว ด้านบนทั้งหมดนั้น เป็นเพียงแค่ การเพิ่ง CTR หรือ การเพิ่มอัตราการคลิก ครั้งที่ 3 เท่านั้นค๊ะ แต่ยังมี การคลิกครั้งที่ 2 ด้วย ที่เราสามารถเพิ่ม CTR ส่วนนี้ได้ สมมุติว่าเราติด Adsense ได้ดีมากๆ CTR เรา 20% เลย ลองคิดดูว่า
คนเสริจ 5000 ครั้ง/เดือน ; CTR ของการคลิกครั้งที่ 2 อยู่ที่ 10% ดังนั้น มีคนเข้าเวปเรามา 500 คน ; CTR ครั้งที่ 3 ของเรา = 20% ดังนั้นแสดงว่ามีคนคลิก Adsense เรา 100 ครั้ง/เดือน
แล้วถ้า เราเพิ่ม CTR ครั้งที่ 2 ได้เป็น 20% ด้วยหละ จะเกิดอะไรขึ้น
คนเสริจ 5000 ครั้ง/เดือน ; CTR ของการคลิกครั้งที่ 2 อยู่ที่ 20% ดังนั้น มีคนเข้าเวปเรามา 1000 คน ; CTR ครั้งที่ 3 ของเรา = 20% ดังนั้นแสดงว่ามีคนคลิก Adsense เรา 200 ครั้ง/เดือน
เห็นมั้ยค๊ะว่า เราอยู่เฉยๆ ไม่ต้องปรับ Adsense หรือ การวางตำแหน่งอะไรเลย ก็สามารถได้ Click รวมที่มากขึ้นได้ หากเราสามารถ เพิ่ม CTR ของการคลิกครั้งที่ 2 ได้เท่านั้น
คำตอบ ของคำถามที่กำลัง จะเกิดขึ้น คือ เราต้องทำให้ Title ของเราที่แสดง ที่ Google หรือ Search Engine น่าคลิกกว่า ของเวปคนอื่นค๊ะ
1. ใช้ Call to Action Word (แนวคิดเดียวกับ พวกทำ PPC ที่ต้องเขียน Title ให้ได้ CTR สูงๆ)
2. ลองใช้อักขระแปลกๆ ใน Title เช่น Arrow ค๊ะ
1. ใช้ Call to Action Word (แนวคิดเดียวกับ พวกทำ PPC ที่ต้องเขียน Title ให้ได้ CTR สูงๆ)
2. ลองใช้อักขระแปลกๆ ใน Title เช่น Arrow ค๊ะ
### TIP หลังจากทำการ Track หาจุด ที่เกิด CTR สูงที่สุดบนหน้าเว็บ + ขนาดของ Adsense ที่เหมาะกับเว็บเราที่ให้ CTR สูงที่สุด ให้วาง Adsense ที่จุดนั้น โดนที่ให้มันเป็น Adsense ตัวแรกที่มองเห็น ใน HTML Code เพราะ Adsdense ตัวแรกบน HTML Code จะให้ CPC ที่แพงกว่า Adsense ที่อยู๋ต่ำกว่าเสมอ
จากรูปด้านบน เวปไซต์นี้ติด Adsense 3 Ads Unit ถ้าอยากทรบว่า Adsense ตัวไหน ( 1 หรือ 2 หรือ 3 ) เป็นตัวแรก ของหน้าเว็บ เราต้องเปิด HTML Code (กด CTRL+U) เพื่อดู Code ค๊ะ จะแค่มองงด้วยสายตา จากหน้าเว็บ Page แล้วบอกว่าตัวไหนเป็นตัวแรกนั้นไม่ได้
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว คงมีหลายๆ คนที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วยแน่นอน ซึ่ง ไม่มีใครผิดใครถูกหรอกค๊ะ เพราะเราทุกคนต่างมีหมวก ที่ชื่อว่า ประสบการณ์ที่ผ่านมา หมวกใครก็หมวกมัน ไม่มีใครมีประสบการณ์เหมือนกัน อย่างแน่นอน ดังนั้นหลังจากได้อ่าน หรือ เรียนรู็อะไรมาแล้ว สิ่งสำคัญมากที่สุดในการที่จะตัดสินว่า มันจริง หรือ มันดีมั้ย คือ เราได้ลองทดสอบกับตัวเราเองจริงๆ ว่าสิ่งที่เราอ่านมา หรือ เรียนรู้มา ; วิธีใดๆก็ ตาม ที่มีคนนำมาบอก นำมาเล่า นำมาเสนอในบอร์ดนี้ มันให้ผลลัพธ์ ที่ดีขึ้นกว่าวิธีเดิมที่เราทำอยู่รึปล่าว ก็แค่นั้นเองค๊ะ รักจะทำ Google Adsense เราต้องหมั่น ทดสอบ ทดสอบ และวัดผลเท่านั้นเองค๊ะ รายได้จากการทำ Google Adsense ของเราก็จะเพิ่มขึ้นแน่นอนค๊ะ
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น