เมื่อวันที่ 22 ก.พ. ที่กระทรวงสาธารณสุข น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
นายกรัฐมนตรี
เป็นประธานการแถลงข่าวการขยายเวลาพำนักในราชอาณาจักรไทยเพื่อการรักษาพยาบาล
จาก 30 วันเป็น 90 วัน ให้กับผู้ป่วยต่างชาติและผู้ติดตามจำนวนไม่เกิน 4
คนที่มาจากกลุ่มประเทศสมาชิกคณะรัฐมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับหรือ
จีซีซี 6 ประเทศ ประกอบด้วย ราชอาณาจักรบาห์เรน รัฐคูเวต รัฐสุลต่านโอมาน
รัฐกาตาร์ ราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์
โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปตามนโยบายเมดิคัล
ฮับ
ในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางบริการสุขภาพนานาชาติ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า การขยายเวลาพำนักในประเทศไทยให้ผู้ใช้บริการทางการแพทย์ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะประเทศไทยถือว่าได้รับการยอมรับในการให้บริการสาธารณสุข มีแพทย์ที่มีความสามารถและการให้บริการที่ดี ทำให้มีนักท่องเที่ยวและผู้ที่ตั้งใจเข้ามาใช้บริการสาธารณสุข เดินทางเข้ามาใช้อย่างต่อเนื่อง สามารถนำรายได้เข้าสู่ประเทศได้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มกลุ่ม จีซีซี และหลังจากประเทศขยายเวลาพำนักในประเทศไทยให้กับกลุ่ม จีซีซีแล้ว ก็จะมีการขยายให้กลุ่มอื่นต่อไป ทั้งนี้นโยบายการเป็นศูนย์กลางบริการสุขภาพนานาชาติ ถือเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งทางรัฐบาลพยายามสนับสนุนแก้ไขกฎระเบียบต่างๆ เพื่อให้เป็นเลิศทางด้านนี้ โดยรัฐบาลได้กำหนดแนวทางในการขับเคลื่อนไว้ 4ด้าน ประกอบด้วย 1.ศูนย์กลางบริการพยาบาลทั้งแพทย์แผนไทยและปัจจุบัน 2.ศูนย์กลางการให้บริการทางการแพทย์ชั้นสูง ที่ได้รับการยอมรับดีอยู่แล้วให้พัฒนายิ่งขึ้น 3.ศูนย์กลางบริการวิชาการทางการแพทย์และงานวิจัย และ4.ศูนย์กลางยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ โดยมีการนำสมุนไพร วัคซีนต่างๆมาใช้ เพื่อลดการนำเข้า ลดการส่งออก
นายกฯกล่าวต่อว่า สิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญที่สุดคือการให้บริการสาธารณสุขของรัฐอย่างทั่ว ถึงและเท่าเทียม ให้ความสำคัญในการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และหวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากทุกหน่วยงานควบคู่กับการส่งเสริม แพทย์แผนไทยและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันจากนั้นนายกฯ ได้เดินเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์และศูนย์ฝึกอบรมการแพทย์แผนไทย รวมถึงเป็นประธานการแข่งขันฟุตบอลคู่พิเศษระหว่างทีมผู้บริหารกระทรวงสาธารณ สุขและทีมผู้บริหารสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงการคลัง ในงานพิธีปิดการแข่งขันกีฬาสาธารณสุขสามัคคีครั้งที่ 34.
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า การขยายเวลาพำนักในประเทศไทยให้ผู้ใช้บริการทางการแพทย์ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะประเทศไทยถือว่าได้รับการยอมรับในการให้บริการสาธารณสุข มีแพทย์ที่มีความสามารถและการให้บริการที่ดี ทำให้มีนักท่องเที่ยวและผู้ที่ตั้งใจเข้ามาใช้บริการสาธารณสุข เดินทางเข้ามาใช้อย่างต่อเนื่อง สามารถนำรายได้เข้าสู่ประเทศได้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มกลุ่ม จีซีซี และหลังจากประเทศขยายเวลาพำนักในประเทศไทยให้กับกลุ่ม จีซีซีแล้ว ก็จะมีการขยายให้กลุ่มอื่นต่อไป ทั้งนี้นโยบายการเป็นศูนย์กลางบริการสุขภาพนานาชาติ ถือเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งทางรัฐบาลพยายามสนับสนุนแก้ไขกฎระเบียบต่างๆ เพื่อให้เป็นเลิศทางด้านนี้ โดยรัฐบาลได้กำหนดแนวทางในการขับเคลื่อนไว้ 4ด้าน ประกอบด้วย 1.ศูนย์กลางบริการพยาบาลทั้งแพทย์แผนไทยและปัจจุบัน 2.ศูนย์กลางการให้บริการทางการแพทย์ชั้นสูง ที่ได้รับการยอมรับดีอยู่แล้วให้พัฒนายิ่งขึ้น 3.ศูนย์กลางบริการวิชาการทางการแพทย์และงานวิจัย และ4.ศูนย์กลางยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ โดยมีการนำสมุนไพร วัคซีนต่างๆมาใช้ เพื่อลดการนำเข้า ลดการส่งออก
นายกฯกล่าวต่อว่า สิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญที่สุดคือการให้บริการสาธารณสุขของรัฐอย่างทั่ว ถึงและเท่าเทียม ให้ความสำคัญในการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และหวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากทุกหน่วยงานควบคู่กับการส่งเสริม แพทย์แผนไทยและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันจากนั้นนายกฯ ได้เดินเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์และศูนย์ฝึกอบรมการแพทย์แผนไทย รวมถึงเป็นประธานการแข่งขันฟุตบอลคู่พิเศษระหว่างทีมผู้บริหารกระทรวงสาธารณ สุขและทีมผู้บริหารสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงการคลัง ในงานพิธีปิดการแข่งขันกีฬาสาธารณสุขสามัคคีครั้งที่ 34.
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น