ตำรวจรวบนักเรียนเทคนิคมือยิงบนรถเมล์สาย59 เสียชีวิต2ศพ
เบื้องต้นสารภาพก่อเหตุจริง ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
พร้อมกล่าวขอโทษผู้เสียชีวิต และรู้สึกสำนึกผิด
วันนี้(17 มิ.ย.)ที่ บช.น. พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รรท.ผบช.น.
แถลงข่าวจับกุม นายแมน เยาวชนอายุ 17 ปี หลังก่อเหตุ
ยิงปืนใส่คู่อริบนรถประจำทางสาย 59 บริเวณอาคารช่างการบินไทย
ถนนวิภาวดีรังสิต ท้องที่ สน.ดอนเมือง จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ
2 คน โดยจับกุมผู้ต้องหาได้บนถนนพหลโยธิน ขาเข้า เยื้องร้านอาหารบ้านสวน
ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา
พร้อมยึดอาวุธปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก
จากการสอบสวน นายแมนรับสารภาพว่า ก่อเหตุจริง
เคยมีเรื่องวิวาทกับนักเรียนกลุ่มอื่น แต่ไม่รู้จักผู้ตาย
พร้อมกล่าวขอโทษผู้ตาย โดยอ้างว่าในวันเกิดเหตุ ขณะที่ยืนรอรถเมล์กับพวกรวม
8 คน เมื่อรถเมล์คันดังกล่าววิ่งผ่านมาจอดที่ป้าย
เห็นนักเรียนโรงเรียนคู่อริอยู่บนรถ จึงใช้อาวุธปืนที่ซื้อมาราคา 2 พันบาท
ยิงขึ้นไปบนรถ ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ก่อนจะนั่งรถแท็กซี่หลบหนี
หลังตกเป็นข่าวรู้สึกสำนึกผิดกับสิ่งที่ได้ทำลงไป
ฝากถึงบรรดานักเรียนเทคนิคว่าอย่าทำพฤติกรรมดังกล่าว
เพราะจะทำให้ครอบครัวเสียใจ
ด้าน พล.ต.ต คำรณวิทย์ กล่าวว่า ผู้ก่อเหตุอีก 8 ราย
เข้ามอบตัวทั้งหมดแล้ว อยู่ระหว่างสอบสวน
และคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยแจ้ง 3ข้อหาหนักคือ
ร่วมกันฆ่าผู้อื่น ,ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น,ร่วมกันมีอาวุธปืน
เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธ
จะคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งฟ้องศาลเยาวชนและครอบครัวกลางภายในวันนี้
ภายหลังจากแถลงข่าวเสร็จสิ้น ทาง พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร
รองผบช.น.
รับผิดชอบด้านงานจราจร ได้เรียกประชุมเพื่อหาแนวทางป้องกันพฤติกรรมนักเรียน
นักเลง
โดยเปิดเผยถึงมาตรการของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรในการช่วยป้องปรามกลุ่มนัก
เรียนช่างกลวิวาทกันจนทำให้มีผู้อื่นบาดเจ็บและเสียชีวิต ว่า
ในส่วนงานจราจรกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้วางมาตรการจัดการกับกลุ่มนักเรียน
นักเลงพวกไว้ 3 มาตรการ คือ1.ให้ตำรวจจราจร ที่อยู่ประจำในแต่ละจุดพื้นที่
สอดส่อง ตรวจค้นอาวุธตามจุดเสี่ยงของกลุ่มนักเรียนที่รวมตัวกันในที่ต่างๆ
เพื่อเตรียมก่อเหตุอาชญากรรม
2.ตรวจหาสารเสพติดกับกลุ่มนักเรียนที่จับกุมไว้ได้จากการก่อเหตุ
หรือจากการตรวจค้นพบอาวุธ ในการเตรียมก่อเหตุ หากพบสารเสพติดให้ดำเนินคดี
ถึงที่สุดตามที่กฎหมายกำหนด 3.เรียกผู้ปกครองของนักเรียน
พร้อมทั้งอาจารย์ปกครองของสถานศึกษานั้น มารับทราบถึงพฤติกรรม
โดยให้ผู้ปกครองและอาจารย์ทำบันทึกข้อตกลงกับตำรวจในการอบรมดูแลพฤติกรรมของ
กลุ่มนักเรียน
พล.ต.ต.วรศักดิ์ กล่าวอีกว่า
ในส่วนนักเรียนที่กระทำผิดในการพกพาอาวุธ เช่น มีด ไม้
ซึ่งเป็นข้อหาลหุโทษ และถูกตรวจค้นพบบ่อยครั้ง
หรือมีพฤติกรรมเสี่ยงรวมตัวมั่วสุมที่หนึ่งที่ใดเป็นประจำนั้น
ตำรวจจราจรจะไปพบกับผู้ปกครองถึงที่บ้านเพื่อแสวงหาความร่วมมือให้ผู้ปกครอง
ดูแลบุตรของตนเอง ไม่ให้มีพฤติกรรมดังกล่าวอีก
ซึ่งจะต้องทำบันทึกประวัติเด็กและผู้ปกครองไว้อย่างละเอียด
เพื่อเป็นการป้องปรามมิให้กลุ่มคนเหล่านี้มีพฤติกรรมในการก่อเหตุร้ายใน
สังคมไทยอีกต่อไป.
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น