วันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2557

Catanac

ชื่อสามัญ  Diclofenac [potassium]

ชื่อการค้า  Catanac 50

รูปแบบยา  ยาเม็ด

ยานี้ใช้สำหรับ  

  • ยานี้ใช้เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวด บวมจากภาวะอักเสบของข้อ เช่น ไขข้อกระดูกอักเสบ (osteoarthritis) ไขข้ออักเสบรูมาตอยด์ (rheumatoid arthritis) และ ไขข้อกระดูกสันหลังอักเสบ (ankylosing spondylitis)
  • ยานี้ใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือน
  • ยานี้อาจใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดจากสาเหตุอื่น

    วิธีใช้ยา 
  • ยานี้อยู่ในรูปแบบยาเม็ด ใช้สำหรับรับประทาน โดยทั่วไปรับประทานวันละ 2-4 ครั้ง หรือให้ใช้ยานี้ตามวิธีใช้ที่ระบุบนฉลากยาอย่างเคร่งครัด โดยห้ามใช้ยาในขนาดที่มากหรือน้อยกว่าที่ระบุ และหากมีข้อสงสัยให้สอบถามแพทย์หรือเภสัชกร
  • รับประทานยาพร้อมดื่มน้ำตามหนึ่งแก้ว ควรรับประทานยาหลังอาหารทันที เพื่อลดอาการไม่สบายท้องที่อาจเกิดจากยา และควรรับประทานยาให้ตรงเวลาทุกครั้ง


  • สิ่งที่ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบ 
  • การแพ้ยาไดโคลฟิแนค (diclofenac) แอสไพริน (aspirin) กลุ่มยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) หรือแพ้ยาอื่นๆ
  • ยาอื่นๆ ทั้งยาที่แพทย์สั่งจ่ายและยาที่ใช้เอง วิตามิน อาหารเสริม และยาสมุนไพร ที่ท่านใช้อยู่ในขณะนี้หรือกำลังจะใช้
  • ตั้งครรภ์ หรือวางแผนจะตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
  • เคยมีประวัติโรคหลอดเลือดสมอง (stroke)
  • ทำศัลยกรรมปลูกถ่ายหลอดเลือดหัวใจโคโรนารี (coronary bypass graft surgery) ภายใน 2 อาทิตย์ก่อนใช้ยา
  • ภาวะแผลในลำไส้เล็กส่วนต้น (duodenal ulcer)
  • โรคเบาหวาน
  • สูบบุหรี่
  • โรคหัวใจ หรือภาวะที่ระบบไหลเวียนโลหิตมีความผิดปกติ
  • ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากกว่า 3 แก้วต่อวัน
  • โรคในช่องปาก (dental disease)
  • ภาวะหอบหืด โดยเฉพาะหอบหืดที่เกิดจากยาแอสไพริน (aspirin)
  • ภาวะ porphyria
  • มีความผิดปกติของการทำงานของตับหรือไต
  • ภาวะที่เลือดไหลง่ายกว่าปกติ หรือใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (anticoagulants)
  • ภาวะติ่งเนื้อที่โพรงจมูก (nasal polyps)
  • ภาวะแผลในกระเพาะอาหาร
  • เคยมีประวัติการบวมที่มือ แขน น่อง เท้า หรือข้อเท้า
  • โรคลำไส้ใหญ่อักเสบ (ulcerative colitis)
  • ภาวะแพ้ภูมิตัวเอง (systemic lupus erythematous)
  • หากต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือทำฟัน ต้องแจ้งให้แพทย์ผู้ผ่าตัดหรือทันตแพทย์ทราบก่อนว่าท่านใช้ยานี้อยู่

    ทำอย่างไรหากลืมรับประทานยาหรือใช้ยา 
  • โดยทั่วไปถ้าลืมรับประทานยา ให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าเป็นเวลาที่ใกล้กับมื้อต่อไป ให้ข้ามไปรับประทานยามื้อต่อไปเลยโดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า

    อาการอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา 
    1) อาการอันไม่พึงประสงค์ที่ต้องแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทันที
    มีดังนี้ ผื่นลมพิษ ผื่นคัน อาการคัน อาการคล้ายโรคหวัด ไข้ กลืนลำบาก หรือหายใจลำบาก ปวดท้อง หรือเป็นตะคริวที่ท้อง อาการบวมที่บริเวณหน้า ช่องคอ ลิ้น ริมฝีปาก ตา มือ เท้า ข้อเท้า หรือน่อง หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ ปวดหลัง มีอาการแสดงของการมีเลือดออกที่กระเพาะอาหาร ซึ่งได้แก่ อุจจาระดำ ปัสสาวะมีเลือดปน ไม่มีแรง เหนื่อง่ายกว่าปกติ อาเจียนเป็นเลือดหรือมีสีคล้ายเมล็ดกาแฟบด แผลพุพอง (blisters) ปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะแสบขัด ผิวซีด เบื่ออาหาร น้ำหนักขึ้นโดยไม่มีสาเหตุ หรือมีอาการบวม เสียงแหบ (hoarseness) ผิว หรือตามีสีเหลือง มีอาการแสดงของการมีเลือดออกที่กระเพาะอาหาร ซึ่งได้แก่ อุจจาระดำ ปัสสาวะมีเลือดปน ไม่มีแรง เหนื่อง่ายกว่าปกติ อาเจียนเป็นเลือดหรือมีสีคล้ายเมล็ดกาแฟบด น้ำหนักขึ้นโดยไม่มีสาเหตุ หรือมีอาการบวม ผื่นลมพิษ ผื่นคัน อาการคัน เบื่ออาหาร ปวดท้อง หรือเป็นตะคริวที่ท้อง ผิว หรือตามีสีเหลือง อาการคล้ายโรคหวัด แผลพุพอง (blisters) ไข้ อาการบวมที่บริเวณหน้า ช่องคอ ลิ้น ริมฝีปาก ตา มือ เท้า ข้อเท้า หรือน่อง กลืนลำบาก หรือหายใจลำบาก หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ ผิวซีด ปวดหลัง ปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะแสบขัด พูดแล้วเสียงผิดปกติ (hoarseness) 2) อาการอันไม่พึงประสงค์อื่นที่อาจเกิดระหว่างใช้ยา หากเป็นต่อเนื่อง หรือ รบกวนชีวิตประจำวัน ให้ แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบ
    มีดังนี้ รู้สึกไม่สบายท้องเล็กน้อย มีลมในท้อง ท้องเสีย หรือท้องผูก เวียนศีรษะ
    การเก็บรักษายา 
  • เก็บยานี้ในภาชนะบรรจุเดิมที่บรรจุมา ปิดภาชนะให้สนิท และเก็บให้พ้นมือเด็ก
  • เก็บยานี้ที่อุณหภูมิห้องโดยไม่ให้อยู่ในที่ร้อนมากกว่า 30 องศาเซลเซียส เช่น บริเวณที่ถูกแสงแดดโดยตรง และไม่เก็บยาในบริเวณที่เปียกหรือชื้น
  • ทิ้งยานี้เมื่อยาหมดอายุ
  • Hyoscine [butylbromide]

    ชื่อสามัญ  Hyoscine [butylbromide]

    ชื่อการค้า  Higan (ไฮแกน) Vacopan ( tablet ) Spascopan สปัสโคแพน Bacotan fc Hytic 10 Hyospan Spascopan fc Bascan Spatyl Hyozin film coated tablets ดูรายละเอียดชื่อทางการค้าอื่นๆ ]

    รูปแบบยา  ยาเม็ด

    ยานี้ใช้สำหรับ 

  • ยานี้ใช้บรรเทาอาการปวดเกร็งช่องท้อง ซึ่งมีสาเหตุจากการหดเกร็งกล้ามเนื้อที่บริเวณกระเพาะอาหารหรือกระเพาะปัสสาวะ
  • ยานี้ใช้รักษากลุ่มอาการลำไส้แปรปรวน (Irritable bowel syndrome: IBS)
  • ยานี้ใช้เพื่อลดการหลั่งของเหลวในปอด

    วิธีใช้ยา 
  • ยานี้อยู่ในรูปแบบยาเม็ด ใช้สำหรับรับประทาน โดยให้ใช้ยานี้ตามวิธีใช้ที่ระบุบนฉลากยาอย่างเคร่งครัด โดยห้ามใช้ยาในขนาดที่มากหรือน้อยกว่าที่ระบุ และหากมีข้อสงสัยให้สอบถามแพทย์หรือเภสัชกร
  • ให้กลืนยาทั้งเม็ด ห้ามบดหรือเคี้ยวเม็ดยา

    สิ่งที่ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบ 
  • การแพ้ยาไฮออสซีน (Hyoscine) หรือแพ้ยาอื่นๆ
  • ยาอื่นๆ ทั้งยาที่แพทย์สั่งจ่ายและยาที่ใช้เอง วิตามิน อาหารเสริม และยาสมุนไพรที่ท่านใช้อยู่ในขณะนี้หรือกำลังจะใช้
  • มีหรือเคยมีภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ หรืออุณหภูมิในร่างกายเพิ่มสูงขึ้น
  • การตั้งครรภ์ การวางแผนในการตั้งครรภ์ หรือการให้นมบุตร
  • มีหรือเคยมีประวัติโรคตับ โรคไต โรค Porphyria (โรคเลือดชนิดหนึ่ง) โรคลมชัก โรคต้อหิน โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ( Myasthenia gravis) โรคกระเพาะอาหาร หรือ ต่อมลูกหมากโต

    ทำอย่างไรหากลืมรับประทานยาหรือใช้ยา  
  • โดยทั่วไปถ้าลืมรับประทานยา ให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าเป็นเวลาที่ใกล้กับมื้อต่อไป ให้ข้ามไปรับประทานยามื้อต่อไปเลยโดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า

    อาการอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา 
    1) อาการอันไม่พึงประสงค์ที่ต้องแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทันที
    มีดังนี้ ปวดตา ตาแดง หรือการมองเห็นผิดปกติ หัวใจเต้นเร็ว หรือช้าผิดปกติ ถ่ายปัสสาวะลำบาก หรือเจ็บเมื่อถ่ายปัสสาวะ 2) อาการอันไม่พึงประสงค์อื่นที่อาจเกิดระหว่างใช้ยา หากเป็นต่อเนื่อง หรือ รบกวนชีวิตประจำวัน ให้ แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบ
    มีดังนี้ ปากแห้ง ผิวแห้ง ท้องผูก ตาสู้แสงไม่ได้
    การเก็บรักษายา 
  • เก็บยานี้ในภาชนะบรรจุเดิมที่บรรจุมา ปิดภาชนะให้สนิท และเก็บให้พ้นมือเด็ก
  • เก็บยานี้ที่อุณหภูมิห้องโดยไม่ให้อยู่ในที่ร้อนมากกว่า 30 องศาเซลเซียส เช่น บริเวณที่ถูกแสงแดดโดยตรง และไม่เก็บยาในบริเวณที่เปียกหรือชื้น
  • ทิ้งยานี้เมื่อยาหมดอายุ
  • Phenylephrine

    ชื่อสามัญ  Brompheniramine [maleate] , Phenylephrine [hydrochloride]

    ชื่อการค้า  Rhinotapp syrup Bromped Bromavon syrup Unihist (ยูนิฮีส) Ditap infant drops Ditap syrup Norfed นอร์เฟด Sinufen syrup Minra B p p syrup ดูรายละเอียดชื่อทางการค้าอื่นๆ ]

    รูปแบบยา  ยาน้ำเชื่อม

    ยานี้ใช้สำหรับ 

  • รักษาอาการคัดจมูก เนื่องมาจากหวัด ไซนัส แพ้ หรือแพ้เกสรดอกไม้

    วิธีใช้ยา 
  • ยานี้ใช้สำหรับรับประทาน ให้ใช้ยานี้ตามวิธีใช้ที่ระบุบนฉลากยาอย่างเคร่งครัด โดยห้ามใช้ยาในขนาดที่มากหรือน้อยกว่าที่ระบุ และหากมีข้อสงสัยให้สอบถามแพทย์หรือเภสัชกร
  • หากรับประทานยานี้แล้วอาการไม่ดีขึ้นภายใน 7 วัน ให้หยุดรับประทานแล้วปรึกษาแพทย์
  • เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปีไม่ควรใช้และควรใช้อย่างระมัดระวังในเด็กอายุ 2-11 ปี

    สิ่งที่ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบ 
  • ประวัติแพ้ยา ฟีนิลเนฟรีน บรอมเฟนิรามีน หรือยาอื่น
  • ใช้หรือกำลังจะใช้ ยาอื่นๆ ทั้งยาที่แพทย์สั่งจ่ายและยาที่ใช้เอง? วิตามิน? ?อาหารเสริม ?และสมุนไพร
  • ตั้งครรภ์ วางแผนจะตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
  • มีหรือเคยมีความดันโลหิตสูง เบาหวาน มีปัญหาการปัสสาวะเนื่องจากต่อมสูกหมากโต ไทรอยด์ โรคหัวใจ ฟีนิลคีโตนยูเรีย โรคแผลในระบบทางเดินอาหาร หืด ต้อหิน ถุงลมโป่งพอง หลอดลมอักเสบเรื้อรัง ชัก โรคหัวใจ
  • หากท่านกำลังจะเข้ารับการผ่าตัด หรือการทำทันตกรรมใดๆ ควรแจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบว่าท่านกำลังใช้ยานี้อยู่

    ทำอย่างไรหากลืมรับประทานยาหรือใช้ยา  
  • โดยทั่วไปถ้าลืมรับประทานยา ให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าเป็นเวลาที่ใกล้กับมื้อต่อไป ให้ข้ามไปรับประทานยามื้อต่อไปเลยโดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า

    อาการอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา 
    1) อาการอันไม่พึงประสงค์ที่ต้องแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทันที
    มีดังนี้ ผื่นแดง คัน ผื่นลมพิษ บวมบริเวณหน้า ริมผีปาก ลิ้น เจ็บหน้าอก เป็นลม หัวใจเต้นเร็ว ไม่เป็นจังหวะ เจ็บหรือชาตามปลายมือปลายเท้า เหนื่อย เพลีย ปัญหาการหายใจ การมองเห็นเปลี่ยนแปลง หวาดกลัว กระวนกระวาย ไข้ เจ็บคอ ประสาทหลอน ความดันโลหิตสูง ชัก ปัญหาการปัสสาวะ มีเลือดออกหรือจ้ำเลือด เหนื่อยง่าย 2) อาการอันไม่พึงประสงค์อื่นที่อาจเกิดระหว่างใช้ยา หากเป็นต่อเนื่อง หรือ รบกวนชีวิตประจำวัน ให้ แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบ
    มีดังนี้ ตื่นเต้น กระวนกระวายใจ นอนไม่หลับ ปาก จมูก คอ แห้ง ปวดศรีษะ
    การเก็บรักษายา 
  • เก็บยานี้ในภาชนะบรรจุเดิมที่บรรจุมา ปิดภาชนะให้สนิท และเก็บให้พ้นมือเด็ก
  • เก็บยานี้ที่อุณหภูมิห้องโดยไม่ให้อยู่ในที่ร้อนมากกว่า 30 องศาเซลเซียส เช่น บริเวณที่ถูกแสงแดดโดยตรง และไม่เก็บยาในบริเวณที่เปียกหรือชื้น
  • ทิ้งยานี้เมื่อยาหมดอายุ
  • Clarithromycin

    ชื่อสามัญ  Clarithromycin

    ชื่อการค้า  Klacid Klacid 500 Crixan Clarith 500 Clacina Claron (250mg.tablet) Claron (500mg.tablet) Fascar 250 ฟาสคาร์ 250 Crixan 250 คริแซน-250 Fascar 500 ดูรายละเอียดชื่อทางการค้าอื่นๆ ]

    รูปแบบยา  ยาเม็ด

    ยานี้ใช้สำหรับ 

  • ยานี้ใช้เพื่อรักษาโรคติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น โรคปอดอักเสบ หลอดลมอักเสบ โรคติดเชื้อที่หู ไซนัส ผิวหนัง และลำคอ
  • ยานี้อาจใช้เพื่อรักษาโรคติดเชื้อ เช่น โรค Lyme โรค crypotosporidiosis โรคcat scratch โรค Legionnaires และ โรคไอกรน
  • ยานี้ใช้ร่วมกับยาตัวอื่น เพื่อรักษาโรคติดเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุให้เกิดแผลอักเสบ หรือแผลในกระเพาะอาหาร
  • ยานี้ใช้เพื่อรักษาและป้องกันโรคติดเชื้อ disseminated Mycobacterium avium complex
  • ยานี้อาจใช้เพื่อป้องกันการติดเชื้อที่หัวใจในผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดหรือผ่าตัดทางทันตกรรม

    วิธีใช้ยา 
  • รับประทานยานี้พร้อมอาหารหรือขณะท้องว่างก็ได้ วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 7-14 วัน
  • รับประทานยาติดต่อกันจนหมดช่วงการรักษา แม้จะรู้สึกดีขึ้นแล้วก็ตาม
  • ห้ามใช้ยาในขนาดที่มากหรือน้อยกว่าที่ระบุ และหากมีข้อสงสัยให้สอบถามแพทย์หรือเภสัชกร

    สิ่งที่ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบ 
  • การแพ้ยา clarithromycin, azithromycin, dirithromycin, erythromycin, telithromycin หรือยาอื่นๆ
  • ยาอื่นๆทั้งยาที่แพทย์สั่งจ่ายและยาที่ใช้เอง วิตามิน อาหารเสริม และยาสมุนไพร ที่ท่านใช้อยู่ในขณะนี้หรือกำลังจะใช้
  • หากเป็นหรือเคยเป็นโรคตับ โรคไต มีอาการท้องเสีย หัวใจเต้นผิดปกติ หรือโรคเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร
  • การตั้งครรภ์ การวางแผนในการตั้งครรภ์ หรือการให้นมบุตร
  • การผ่าตัด รวมทั้งการผ่าตัดทางทันตกรรม

    ทำอย่างไรหากลืมรับประทานยาหรือใช้ยา  
  • โดยทั่วไปถ้าลืมรับประทานยา ให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าเป็นเวลาที่ใกล้กับมื้อต่อไป ให้ข้ามไปรับประทานยามื้อต่อไปเลยโดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า

    อาการอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา 
    1) อาการอันไม่พึงประสงค์ที่ต้องแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทันที
    มีดังนี้ อาการแพ้ ผื่นคัน บวมบริเวณ หน้า ปาก ลิ้น หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เจ็บหน้าอก ปัสสาวะลำบาก หรือเจ็บเวลาปัสสาวะ ที่ผิว หรือภายในปากมีแผล ตุ่มพอง ลอก ตัวเหลือง ตาเหลือง หายใจลำบาก กลืนลำบาก เสียงแหบ มีรอยฟกช้ำ หรือมีจุดแดงขึ้นตามตัว บวมบริเวณใบหน้า ลำคอ ลิ้น ริมฝีปาก ตา มือ เท้า ข้อเท้า 2) อาการอันไม่พึงประสงค์อื่นที่อาจเกิดระหว่างใช้ยา หากเป็นต่อเนื่อง หรือ รบกวนชีวิตประจำวัน ให้ แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบ
    มีดังนี้ ท้องเสีย ปวดท้อง มีลมในท้อง คลื่นไส้ การรับรสเปลี่ยนไป ปวดศีรษะ
    การเก็บรักษายา 
  • เก็บยานี้ในภาชนะบรรจุเดิมที่บรรจุมา ปิดภาชนะให้สนิทและเก็บให้พ้นมือเด็ก
  • เก็บยานี้ที่อุณหภูมิห้องโดยไม่ให้อยู่ในที่ร้อนมากกว่า 30 องศาเซลเซียส เช่นถูกแสงแดดโดยตรง และ ไม่เก็บยาในบริเวณที่เปียกหรือชื้น
  • ทิ้งยานี้เมื่อยาหมดอายุ
  • เก็บยานี้ในภาชนะที่ป้องกันแสงได้ เช่น ขวดหรือซองสีช
  • Paracetamol

    ชื่อสามัญ  Paracetamol

    ชื่อการค้า  Pyracon tablets Biogesic tablet Symol Paracetamol tablets Parcet Newsemol Para - g Newtamol Nasa Mypara ดูรายละเอียดชื่อทางการค้าอื่นๆ ]

    รูปแบบยา  ยาเม็ด

    ยานี้ใช้สำหรับ 

  • ยานี้ใช้เพื่อรักษาหรือบรรเทาอาการไข้และอาการปวดระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง
  • ยานี้อาจใช้เพื่อรักษาโรคหรืออาการอื่นๆ ดังนั้นหากมีข้อสงสัยจึงควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกร

    วิธีใช้ยา 
  • ยานี้อยู่ในรูปแบบยาเม็ด ใช้สำหรับรับประทาน โดยทั่วไปรับประทานทุกๆ 4-6 ชั่วโมงเมื่อมีอาการปวด หรือใช้ยานี้ตามวิธีใช้ที่ระบุบนฉลากยาอย่างเคร่งครัด โดยห้ามใช้ยาในขนาดที่มากหรือน้อยกว่าที่ระบุ และหากมีข้อสงสัยให้สอบถามแพทย์หรือเภสัชกร
  • รับประทานยานี้ได้ทั้งก่อนหรือหลังอาหาร แต่ควรเหมือนกันทุกครั้งที่รับประทาน และควรรับประทานยาให้ตรงเวลาทุกครั้ง
  • สำหรับทารกและเด็กเล็ก ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยานี้
  • สำหรับผู้ใหญ่ ห้ามรับประทานยานี้มากกว่า 1,000 มิลลิกรัมต่อครั้ง
  • สำหรับผู้ใหญ่ ห้ามรับประทานยานี้มากกว่า 4,000 มิลลิกรัมต่อวัน
  • สำหรับผู้ใหญ่ ห้ามรับประทานยานี้ติดต่อกันเกิน 5-10 วัน
  • สำหรับเด็ก ห้ามรับประทานยานี้ติดต่อกันเกิน 3-5 วัน
  • ห้ามรับประทานยานี้มากกว่าหรือน้อยกว่า หรือบ่อยกว่าที่แพทย์สั่งให้ใช้
  • การรับประทานยานี้มากกว่าหรือบ่อยกว่าที่แพทย์สั่งให้ใช้อาจเป็นอันตรายต่อตับ

    สิ่งที่ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบ 
  • ประวัติการแพ้ยา paracetamol หรือยาอื่นๆ
  • ยาอื่นๆ ทั้งยาที่แพทย์สั่งจ่ายและยาที่ใช้เอง วิตามิน อาหารเสริม และยาสมุนไพร ที่ท่านใช้อยู่ในขณะนี้หรือกำลังจะใช้
  • การตั้งครรภ์ การวางแผนในการตั้งครรภ์ หรือการให้นมบุตร
  • ประวัติการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากๆ หรือบ่อยๆ และ/หรือประวัติการเป็นโรคพิษสุรา (alcoholism)
  • การมีหรือเคยมีความผิดปกติของการทำงานของตับ เป็นหรือมีประวัติเคยเป็นโรคตับ
  • โรค ภาวะ หรืออาการทางการแพทย์อื่นๆ ที่มี
  • อายุหรือวัยของผู้ใช้ เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ ในกรณีที่เป็นทารกหรือเด็กเล็กควรบอกน้ำหนักตัวแก่แพทย์หรือเภสัชกรให้ทราบด้วย

    ทำอย่างไรหากลืมรับประทานยาหรือใช้ยา  
  • โดยทั่วไปยานี้ใช้เฉพาะเมื่อมีอาการปวดเท่านั้น หากรับประทานยาไปครั้งหนึ่งแล้วอาการปวดลดลงหรือหายไป ก็ไม่ต้องรับประทานยาครั้งต่อไป (การลืมรับประทานยาจึงไม่เป็นอันตราย) แต่หากยังมีอาการปวดอยู่ สามารถรับประทานยานี้ได้ทุก 4-6 ชั่วโมงและไม่ควรเพิ่มขนาดการใช้ยาในครั้งต่อไป
  • หากแพทย์สั่งให้ใช้ยานี้เป็นประจำทุก 4-6 ชั่วโมง ถ้าลืมรับประทานยา ให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าเป็นเวลาที่ใกล้กับมื้อต่อไป ให้ข้ามไปรับประทานยามื้อต่อไปเลยโดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า

    อาการอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา 
    1) อาการอันไม่พึงประสงค์ที่ต้องแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทันที
    มีดังนี้ มีอาการแพ้ เช่น ผื่นคัน ผื่นลมพิษ บวมตามอวัยวะต่างๆ เช่น ใบหน้า คอ ตา ริมฝีปาก ลิ้น มือ แขน น่อง ขา ข้อเท้า หายใจหรือกลืนลำบาก มีปัญหาเกี่ยวกับการหายใจ มีไข้ เจ็บคอ เสียงแหบ ปัสสาวะลำบากหรือมีปริมาณเปลี่ยนแปลงไป มีเลือดออกหรือมีรอยช้ำอย่างผิดปกติ อ่อนเพลียหรือไม่มีแรงอย่างผิดปกติ ตาหรือผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอย่างผิดปกติ 2) อาการอันไม่พึงประสงค์อื่นที่อาจเกิดระหว่างใช้ยา หากเป็นต่อเนื่อง หรือ รบกวนชีวิตประจำวัน ให้ แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบ
    มีดังนี้ ปวดศีรษะ ปวดหรือไม่สบายท้อง คลื่นไส้ อาเจียน
    การเก็บรักษายา 
  • เก็บยานี้ในภาชนะบรรจุเดิมที่บรรจุมา ปิดภาชนะให้สนิท และเก็บให้พ้นมือเด็ก
  • เก็บยานี้ที่อุณหภูมิห้องระหว่าง 20-25 องศาเซลเซียส เช่น บริเวณที่ถูกแสงแดดโดยตรง และไม่เก็บยาในบริเวณที่เปียกหรือชื้น
  • ทิ้งยานี้เมื่อยาหมดอายุ Thailand Web Stat
  • Orphenadrine

    ชื่อสามัญ  Orphenadrine [citrate]

    ชื่อการค้า  Norflex

    รูปแบบยา  ยาเม็ด (ควบคุมการปลดปล่อยยา)

    ยานี้ใช้สำหรับ 

  • ช่วยบรรเทาอาการปวด ตึง เคล็ดของกล้ามเนื้อ
  • นอกจากนี้ยังอาจใช้รักษาตะคริวที่ขาตอนกลางคืน(night time leg cramps)
  • อาจใช้เพื่อรักษาโรคหรืออาการอื่นๆได้ ดังนั้นหากมีข้อสงสัยควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกร

    วิธีใช้ยา 
  • ยานี้ใช้สำหรับรับประทานโดยทั่วไปรับประทานวันละ 2 ครั้ง หรือให้ใช้ยานี้ตามวิธีใช้ที่ระบุบนฉลากยาอย่างเคร่งครัด โดยห้ามใช้ยาในขนาดที่มากหรือน้อยกว่าที่ระบุ และหากมีข้อสงสัยให้สอบถามแพทย์หรือเภสัชกร
  • กลืนยาทั้งเม็ด ห้ามบดหรือคี้ยวเม็ดยา
  • ยานี้อาจทำให้มีอาการง่วงซึมได้ ควรหลีกเลี่ยงการขับรถหรือการทำงานกับเครื่องจักรกลหลังจากรับประทานยา
  • หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในระหว่างที่รับประทานยานี้อยู่

    สิ่งที่ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบ 
  • ประวัติแพ้ยา orphenadrine หรือยาอื่นๆ
  • ใช้หรือกำลังจะใช้ ยาอื่นๆ ทั้งยาที่แพทย์สั่งจ่ายและยาที่ใช้เอง วิตามิน อาหารเสริม และสมุนไพร
  • ตั้งครรภ์ วางแผนจะตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
  • มีหรือเคยมีโรคต้อหิน โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงชนิดร้าย (myasthenia gravis) โรคแผลในกระเพาะอาหาร ทางเดินปัสสาวะหรือทางเดินอาหารอุดตัน ต่อมลูกหมากโต หัวใจเต้นผิดปกติ โรคตับ โรคไต โรคหัวใจ
  • หากท่านกำลังจะเข้ารับการผ่าตัด หรือการทำทันตกรรมใดๆ ควรแจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบว่าท่านกำลังใช้ยานี้อยู่

    ทำอย่างไรหากลืมรับประทานยาหรือใช้ยา  
  • โดยทั่วไปถ้าลืมรับประทานยา ให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าเป็นเวลาที่ใกล้กับมื้อต่อไป ให้ข้ามไปรับประทานยามื้อต่อไปเลยโดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า

    อาการอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา 
    1) อาการอันไม่พึงประสงค์ที่ต้องแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทันที
    มีดังนี้ หัวใจเต้นเร็ว หมดสติ สับสน ประสาทหลอน อาการแพ้ เช่น ผื่นที่ผิวหนัง ผื่นคันหรือลมพิษ หน้าบวม ปากบวม หรือลิ้นบวม การมองเห็นเปลี่ยน หายใจลำบาก อาเจียน 2) อาการอันไม่พึงประสงค์อื่นที่อาจเกิดระหว่างใช้ยา หากเป็นต่อเนื่อง หรือ รบกวนชีวิตประจำวัน ให้ แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบ
    มีดังนี้ เวียนศีรษะ ง่วงซึม ปวดศีรษะ ไม่สบายท้อง ปากแห้ง ถ่ายปัสสาวะลำบาก
    การเก็บรักษายา 
  • เก็บยานี้ในภาชนะบรรจุเดิมที่บรรจุมา ปิดภาชนะให้สนิท และเก็บให้พ้นมือเด็ก
  • เก็บยานี้ที่อุณหภูมิห้องระหว่าง 15- 30 องศาเซลเซียส โดยไม่ให้อยู่ในที่ร้อน เช่น บริเวณที่ถูกแสงแดดโดยตรง และไม่เก็บยาในบริเวณที่เปียกหรือชื้น
  • ทิ้งยานี้เมื่อยาหมดอายุ
  • Cifloxin

    ชื่อสามัญ  Ciprofloxacin

    ชื่อการค้า  Cifloxin 500 mg.

    รูปแบบยา  ยาเม็ด

    ยานี้ใช้สำหรับ  

  • ยานี้ใช้เพื่อรักษาโรคติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น โรคติดเชื้อที่ผิวหนัง กระดูก กระเพาะอาหาร สมอง ระบบเลือด ปอด หู ระบบทางเดินปัสสาวะ และโรค anthrax
  • ยานี้ใช้เพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย และโรค anthrax

    วิธีใช้ยา 
  • รับประทานยานี้ตอนท้องว่าง โดยรับประทานก่อนอาหารอย่างน้อย 1 ชั่วโมง หรือหลังอาหารอย่างน้อย 2 ชั่วโมง วันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น
  • ห้ามใช้ยาในขนาดที่มากหรือน้อยกว่าที่ระบุ และหากมีข้อสงสัยให้สอบถามแพทย์หรือเภสัชกร
  • รับประทานยาติดต่อกันจนหมดช่วงการรักษา แม้จะรู้สึกดีขึ้นแล้วก็ตาม
  • อาจเกิดอาการท้องเสียระหว่างหรือหลังจากการใช้ยานี้
  • รับประทานยานี้แล้วอาจมีอาการเวียนศีรษะหรืออ่อนเพลีย ไม่ควรขับรถหรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร
  • ไม่ควรรับประทานพร้อมกับนม ยาลดกรด หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
  • ควรดื่มน้ำมากๆในระหว่างวัน
  • หลีกเลี่ยงการทำงานหรืออยู่ในที่มีแสงแดดส่องเป็นเวลานาน


  • สิ่งที่ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบ 
  • การแพ้ยา ciprofloxacin, ยากลุ่มควิโนโลนหรือฟลูออโรควิโนโลน หรือยาอื่นๆ
  • ยาอื่นๆทั้งยาที่แพทย์สั่งจ่ายและยาที่ใช้เอง วิตามิน อาหารเสริม และยาสมุนไพร ที่ท่านใช้อยู่ในขณะนี้หรือกำลังจะใช้
  • หากเป็นหรือเคยเป็นโรคเอ็นกล้ามเนื้ออักเสบ โรคข้ออักเสบ โรคหืด โรคกระเพาะ สมองเป็นอัมพาต ภาวะสมองเสื่อม ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ชัก โรคหลอดเลือดสมอง โรคตับหรือโรคไต
  • การทำงานหรือมีกิจวัตรที่มีผลกระทบต่อเอ็นกล้ามเนื้อเป็นประจำ เช่น นักกรีฑา
  • การตั้งครรภ์ การวางแผนในการตั้งครรภ์ หรือการให้นมบุตร
  • การผ่าตัด รวมทั้งผ่าตัดฟัน
  • การเอ็กซเรย์ หรือ เอ็กซเรย์สมอง

    ทำอย่างไรหากลืมรับประทานยาหรือใช้ยา 
  • โดยทั่วไปถ้าลืมรับประทานยา ให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าเป็นเวลาที่ใกล้กับมื้อต่อไป ให้ข้ามไปรับประทานยามื้อต่อไปเลยโดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า

    อาการอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา 
    1) อาการอันไม่พึงประสงค์ที่ต้องแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทันที
    มีดังนี้ ลมพิษ บวมหรือชาบริเวณหน้า ลำคอ ลิ้น ริมฝีปาก ตา มือ เท้า ข้อเท้า หายใจหรือกลืนอาหารลำบาก หัวใจเต้นผิดปกติ หน้ามืด เป็นลม ไข้ ปวดกล้ามเนื้อ หรือ ข้อ ชัก มึนงง ประสาทหลอน ปวด ชา หรือ อ่อนแรงตามส่วนต่างๆของร่างกาย 2) อาการอันไม่พึงประสงค์อื่นที่อาจเกิดระหว่างใช้ยา หากเป็นต่อเนื่อง หรือ รบกวนชีวิตประจำวัน ให้ แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบ
    มีดังนี้ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย ปวดศีรษะ กระสับกระส่าย นอนไม่หลับ ผื่นคัน
    การเก็บรักษายา 
  • เก็บยานี้ในภาชนะบรรจุเดิมที่บรรจุมา ปิดภาชนะให้สนิทและเก็บให้พ้นมือเด็ก
  • เก็บยานี้ที่อุณหภูมิห้องโดยไม่ให้อยู่ในที่ร้อนมากกว่า 30 องศาเซลเซียส เช่นถูกแสงแดดโดยตรง และ ไม่เก็บยาในบริเวณที่เปียกหรือชื้น
  • ทิ้งยานี้เมื่อยาหมดอายุ
  • Norfloxacin

    ชื่อสามัญ  Norfloxacin

    ชื่อการค้า  Norfloxacin 200 mg

    รูปแบบยา  ยาเม็ด

    ยานี้ใช้สำหรับ  

  • ยานี้ใช้เพื่อรักษาโรคติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น โรคหนองใน โรคติดเชื้อที่ต่อมลูกหมาก และโรคติดเชื้อที่ระบบทางเดินปัสสาวะ
  • ยานี้อาจใช้เพื่อรักษาโรคติดเชื้อแบคทีเรียที่กระเพาะอาหาร

    วิธีใช้ยา 
  • รับประทานยานี้อย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนอาหารหรือ 2 ชั่วโมงหลังอาหาร วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 7-28 วัน
  • หากใช้เพื่อรักษาโรคgonorrhea รับประทานยาเพียงครั้งเดียว
  • ห้ามใช้ยาในขนาดที่มากหรือน้อยกว่าที่ระบุ และหากมีข้อสงสัยให้สอบถามแพทย์หรือเภสัชกร
  • รับประทานยาติดต่อกันจนหมดช่วงการรักษา แม้จะรู้สึกดีขึ้นแล้วก็ตาม
  • ควรดื่มน้ำมากๆระหว่างวัน
  • ไม่ควรรับประทานร่วมกับนม หรือเครื่องดื่มที่มีสารคาเฟอีน หรือยาลดกรด
  • ยานี้อาจทำให้ผิวหนังไวต่อแสงมากขึ้น ไม่ควรทำงานหรืออยู่ในที่มีแสงแดดส่องเป็นเวลานาน และควรป้องกันตัวเองจากแสงแดด
  • รับประทานยานี้แล้วอาจมีอาการง่วงซึม ไม่ควรขับรถหรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร


  • สิ่งที่ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบ 
  • การแพ้ยา norfloxacin, ยากลุ่มquinolones หรือยาอื่นๆ
  • ยาอื่นๆทั้งยาที่แพทย์สั่งจ่ายและยาที่ใช้เอง วิตามิน อาหารเสริม และยาสมุนไพร ที่ท่านใช้อยู่ในขณะนี้หรือกำลังจะใช้
  • หากเป็นหรือเคยเป็นโรคตับ โรคไต โรคลมชัก โรคลำไส้อักเสบ โรคเกี่ยวกับท้องหรือกระเพาะอาหาร มีความผิดปกติเกี่ยวกับการมองเห็น โรคหัวใจ โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงชนิดร้าย หรือ โรคหลอดเลือดสมอง
  • การตั้งครรภ์ การวางแผนในการตั้งครรภ์ หรือการให้นมบุตร
  • หากต้องเข้ารับการการผ่าตัดหรือทำฟัน ต้องแจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบก่อนทำการรักษา

    ทำอย่างไรหากลืมรับประทานยาหรือใช้ยา 
  • โดยทั่วไปถ้าลืมรับประทานยา ให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าเป็นเวลาที่ใกล้กับมื้อต่อไป ให้ข้ามไปรับประทานยามื้อต่อไปเลยโดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า

    อาการอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา 
    1) อาการอันไม่พึงประสงค์ที่ต้องแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทันที
    มีดังนี้ ผื่น คัน ลมพิษ หายใจหรือกลืนลำบาก ใบหน้าหรือช่องคอบวม สีผิวและตาขาวมีสีเหลือง ปัสสาวะสีเข้มขึ้น อุจจาระสีซีดลงหรือคล้ำขึ้น ปัสสาวะมีเลือดปน อ่อนเพลียผิดปกติ ผิวไหม้หรือพุพอง ชัก ติดเชื้อในช่องคลอด การมองเห็นผิดปกติ เส้นเอ็นบริเวณไหล่ มือ หรือส้นเท้ามีอาการปวด บวมหรือฉีกขาด 2) อาการอันไม่พึงประสงค์อื่นที่อาจเกิดระหว่างใช้ยา หากเป็นต่อเนื่อง หรือ รบกวนชีวิตประจำวัน ให้ แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบ
    มีดังนี้ ไม่สบายท้อง อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย ท้องผูก ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ
    การเก็บรักษายา 
  • เก็บยานี้ในภาชนะบรรจุเดิมที่บรรจุมา ปิดภาชนะให้สนิทและเก็บให้พ้นมือเด็ก
  • เก็บยานี้ในภาชนะที่ป้องกันแสงได้ เช่นขวดหรือซองสีชา
  • เก็บยานี้ที่อุณหภูมิห้องโดยไม่ให้อยู่ในที่ร้อนมากกว่า 30 องศาเซลเซียส เช่นถูกแสงแดดโดยตรง และ ไม่เก็บยาในบริเวณที่เปียกหรือชื้น
  • ทิ้งยานี้เมื่อยาหมดอายุ
  • Naproxen

    ชื่อสามัญ  Naproxen [sodium]

    ชื่อการค้า  Synflex Neoflex Serviproxan 275 Soproxen Naproflex Sonap forte Aleve Proxennac Naproxac Naprolim - s (275 mg) ดูรายละเอียดชื่อทางการค้าอื่นๆ ]

    รูปแบบยา  ยาเม็ด

    ยานี้ใช้สำหรับ 

  • ยานี้ใช้เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวด บวมจากภาวะอักเสบของข้อ เช่น ไขข้อกระดูกอักเสบ (osteoarthritis) ไขข้ออักเสบรูมาตอยด์ (rheumatoid arthritis) และ ไขข้ออักเสบในเด็ก (juvenile arthritis)
  • ยานี้ใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดเล็กน้อยถึงปานกลาง เช่น ปวดท้องประจำเดือน ปวดศีรษะ ปวดฟัน

    วิธีใช้ยา 
  • ยานี้อยู่ในรูปแบบยาเม็ดใช้สำหรับรับประทาน โดยทั่วไปรับประทานวันละ 1-2 ครั้ง หรือให้ใช้ยานี้ตามวิธีใช้ที่ระบุบนฉลากยาอย่างเคร่งครัด โดยห้ามใช้ยาในขนาดที่มากหรือน้อยกว่าที่ระบุ และหากมีข้อสงสัยให้สอบถามแพทย์หรือเภสัชกร
  • รับประทานยาพร้อมดื่มน้ำตามหนึ่งแก้ว ควรรับประทานยาหลังอาหารทันที เพื่อลดอาการไม่สบายท้องที่อาจเกิดจากยา และควรรับประทานยาให้ตรงเวลาทุกครั้ง
  • ไม่ควรใช้ยานี้ในเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี

    สิ่งที่ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบ 
  • การแพ้ยานาพรอกเซน (naproxen) แอสไพริน (aspirin) กลุ่มยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) หรือแพ้ยาอื่นๆ
  • ยาอื่นๆ ทั้งยาที่แพทย์สั่งจ่ายและยาที่ใช้เอง วิตามิน อาหารเสริม และยาสมุนไพร ที่ท่านใช้อยู่ในขณะนี้หรือกำลังจะใช้
  • ตั้งครรภ์ หรือวางแผนจะตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
  • มีความผิดปกติของการทำงานของตับหรือไต
  • ภาวะหอบหืด โดยเฉพาะหอบหืดที่เกิดจากยาแอสไพริน (aspirin)
  • ภาวะที่เลือดไหลง่ายกว่าปกติ หรือใช้สารกันเลือดเป็นลิ่ม (anticoagulants)
  • สูบบุหรี่
  • ทำโคโลนารี่อาร์เทรี่บายพาสกราฟท์เซอร์เจอรี่ (coronary bypass graft surgery) ภายใน 2 อาทิตย์ก่อนใช้ยา
  • ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากกว่า 3 แก้วต่อวัน
  • โรคหัวใจ หรือภาวะที่ระบบไหลเวียนโลหิตมีความผิดปกตื
  • ภาวะแพ้ภูมิตัวเอง (systemic lupus erythematous)
  • ภาวะติ่งเนื้อเมือกที่โพรงจมูก (nasal polyps)
  • ภาวะแผลในกระเพาะอาหาร
  • ภาวะแผลในลำไส้อาหารส่วนต้น (duodenal ulcer)
  • เคยมีประวัติการบวมที่มือ แขน น่อง เท้า หรือข้อเท้า
  • โรคลำไส้อักเสบ (ulcerative colitis)
  • โรคเบาหวาน
  • เคยมีประวัติโรคหลอดเลือดสมอง (stroke)
  • ภาวะเลือดจาง
  • หากต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือทำฟัน ต้องแจ้งให้แพทย์ผู้ผ่าตัดหรือทันตแพทย์ทราบก่อนว่าท่านใช้ยาตัวนี้อยู่

    ทำอย่างไรหากลืมรับประทานยาหรือใช้ยา  
  • โดยทั่วไปถ้าลืมรับประทานยา ให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าเป็นเวลาที่ใกล้กับมื้อต่อไป ให้ข้ามไปรับประทานยามื้อต่อไปเลยโดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า

    อาการอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา 
    1) อาการอันไม่พึงประสงค์ที่ต้องแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทันที
    มีดังนี้ มีสัญญาณว่ามีเลือดออกที่กระเพาะอาหาร ซึ่งได้แก่ อุจจาระดำ ปัสสาวะมีเลือดปน ไม่มีแรง เหนื่อง่ายกว่าปกติ อาเจียนเป็นเลือดหรือมีสีคล้ายเมล็ดกาแฟบด น้ำหนักขึ้นโดยไม่มีสาเหตุ หรือมีอาการบวม ผื่นลมพิษ ผื่นคัน อาการคัน เบื่ออาหาร ปวดท้อง หรือเป็นตะคริวที่ท้อง ผิว หรือตามีสีเหลือง อาการคล้ายโรคหวัด แผลพุพอง (blisters) ไข้ อาการบวมที่บริเวณหน้า ช่องคอ ลิ้น ริมฝีปาก ตา มือ เท้า ข้อเท้า หรือน่อง กลืนลำบาก หรือหายใจลำบาก หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ ผิวซีด ปวดหลัง ปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะแสบขัด พูดแล้วเสียงผิดปกติ (hoarseness) 2) อาการอันไม่พึงประสงค์อื่นที่อาจเกิดระหว่างใช้ยา หากเป็นต่อเนื่อง หรือ รบกวนชีวิตประจำวัน ให้ แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบ
    มีดังนี้ รู้สึกไม่สบายท้องเล็กน้อย มีลมในท้อง ท้องเสีย ท้องผูก เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ ง่วงนอน
    การเก็บรักษายา 
  • เก็บยานี้ในภาชนะบรรจุเดิมที่บรรจุมา ปิดภาชนะให้สนิท และเก็บให้พ้นมือเด็ก
  • เก็บยานี้ที่อุณหภูมิห้องโดยไม่ให้อยู่ในที่ร้อนมากกว่า 30 องศาเซลเซียส เช่น บริเวณที่ถูกแสงแดดโดยตรง และไม่เก็บยาในบริเวณที่เปียกหรือชื้น
  • ทิ้งยานี้เมื่อยาหมดอายุ
  • Blog Archive

    Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources